“พาณิชย์” เผยผลประมูลข้าว มีผู้ผ่านเกณฑ์ราคาขั้นต่ำ 47 ราย ขายได้ 4.26 แสนตัน เตรียมเปิดประมูลอีกครั้งเร็วๆ นี้หลังตลาดยังต้องการข้าว ส่วนข้าวเกรดซี ข้าวเสีย 5.89 ล้านตัน เตรียมชง นบข.อนุมัติวิธีระบาย จะแยกก่อนขาย หรือขายยกคลัง แบบไหนดีกว่ากัน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการเปิดซองประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 5/2558 ปริมาณ 6.68 แสนตันว่า มีผู้ผ่านคุณสมบัติสามารถเข้ายื่นซองเสนอราคาทั้งสิ้น 58 ราย แต่มีผู้ยื่นซื้อเสนอราคาที่ผ่านเกณฑ์ราคาขั้นต่ำ 47 ราย มีปริมาณข้าวที่ขายได้จำนวน 426,977 ตัน มูลค่า 6,293 ล้านบาท คิดเป็น 64% ของปริมาณข้าวที่เปิดขายทั้งหมด และถือว่าขายได้ราคาดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากราคาข้าวในตลาดดีขึ้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ สามารถระบายข้าวออกไปได้แล้ว 4.42 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 48,598 ล้านบาท โดยยังคงเหลือข้าวในสต๊อกอีกประมาณ 13.9 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวเกรดพี เอ บี ประมาณ 8 ล้านตัน ข้าวเกรดซี 4.6 ล้านตัน และข้าวเสีย 1.29 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะมีการเปิดประมูลข้าวอีกครั้งในเร็วๆ นี้ โดยจะมีการหารือในรายละเอียดภายในสัปดาห์หน้า เนื่องจากขณะนี้ตลาดยังมีความต้องการข้าว
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับการระบายข้าวเกรดซี และข้าวเสีย ปริมาณ 5.89 ล้านตัน กรมฯ จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาแนวทางการระบายในวันที่ 28 ส.ค. 2558 หลังจากเดิม นบข.มีมติให้ระบายเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม แต่ก็มีข้อท้วงติงว่าอาจจะทำให้รัฐเสียประโยชน์เพราะขายข้าวดีไปเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมอาจไม่ได้ราคา ซึ่ง พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ จึงให้มีการตรวจสอบว่าข้าวมีเชื้อราหรือไม่ และจะทำการคัดแยก เพื่อนำไปจำหน่ายยังอุตสาหกรรมอื่น เช่น อาหารสัตว์ ได้หรือไม่
“ตอนนี้กรมฯ ได้ร่วมกับ สวทช. (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) ทีดีอาร์ไอ (สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย) ไปทำการสุ่มตรวจข้าวและเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบเชื้อราแล้ว ซึ่งกำลังประเมินว่าถ้าจะทำการคัดแยกข้าว ตรวจตัวอย่างข้าว จะคุ้มค่าหรือไม่ ค่าใช้จ่ายเป็นอย่างไร ใช้ระยะเวลานานแค่ไหน ซึ่งจะเสนอให้ นบข.เห็นว่าระหว่างแยกขาย กับขายเหมาทั้งโกดังเป็นอย่างไร อย่างไหนคุ้มค่ากว่า”
นางดวงพรกล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มความต้องการข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น โดยหลายๆ ประเทศเริ่มประเมินปริมาณผลผลิตว่าจะขาดแคลนหรือไม่ และมีความจำเป็นต้องซื้อข้าวเข้าเก็บสต๊อกไว้มากน้อยแค่ไหน และเริ่มที่จะมีการหารือในเรื่องการซื้อข้าว เช่น ฟิลิปปินส์มีความต้องการซื้อข้าว 8 แสนตัน อินโดนีเซียอีกหลายแสนตัน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีต่อการส่งออกข้าวของไทย