xs
xsm
sm
md
lg

ลงทุนระบบขนส่งคมนาคมต่ำเป้า เร่งปรับแผน 5 ปีหลังลดขั้นตอนพิจารณา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม
สนข.ทบทวนแผนระบบขนส่ง 10 ปี ช่วงครึ่งหลังในปี 58-63 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนเป็นยุคดิจิตอล ปรับจุดอ่อนจุดแข็ง เผย 3 ปีแรกเดินแผนโครงการได้ 84% เตรียมปรับขั้นตอนการทำงาน ประสานสิ่งแวดล้อม ลดขั้นตอนพิจารณา หวังขับเคลื่อนการลงทุนตามเป้า เปิดประตูการค้าชายแดน และพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมขนส่งระหว่างประเทศรับ AEC

นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนหลักการพัฒนาระบบขนส่งและจราจร พ.ศ. 2554-2563 เมื่อวันที่ 16 ก.ค. ว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดรับฟังความคิดเห็นและข้อสังเกตจากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานภายนอก (Public Hearing) เพื่อทบทวนแผนฯ ที่กระทรวงคมนาคมใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนและประกอบการตัดสินใจ กำหนดแผนงานโครงการซึ่งควรมีการทบทวนทุกๆ 5 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 รวมถึงปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงในยุคเศรษฐกิจดิจิตอลที่มีการใช้เทคโนโลยีกับระบบขนส่งมากขึ้น การเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั้งในและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น การปรับโครงสร้างองค์กรแยกบทบาทหน้าที่ของกรมการบินพลเรือน (บพ.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยสากลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ความร่วมมือพัฒนาระบบรางระหว่างรัฐบาลไทย-รัฐบาลจีน และรัฐบาลไทย-รัฐบาลญี่ปุ่น และการเพิ่มบทบาทของภาคเอกชน เป็นต้น

ทั้งนี้ ตามแผนงานช่วง 3 ปีแรกสามารถดำเนินการได้ 90 โครงการ 66 มาตรการ หรือ 84.32% ซึ่งสาเหตุที่ไม่สามารถดำเนินงานให้ได้ 100% เนื่องจากในการดำเนินโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งต้องใช้งบประมาณ หรือเงินกู้นั้นจะมีขั้นตอนในการพิจารณาค่อนข้างมากและซับซ้อน รวมถึงต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบด้านสุขภาพ (EHIA) จึงส่งผลให้เกิดความล่าช้าบ้าง ดังนั้น ในการดำเนินโครงการช่วง 5 ปีหลังจะต้องเร่งรัดกระบวนการด้านสิ่งแวดล้อม โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้หารือกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับวิธีการทำงานเพื่อให้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ ระดับนโยบายจะต้องมีการตัดสินใจที่รวดเร็วขึ้น มีการเตรียมความพร้อมด้านการลงทุนให้รวดเร็วขึ้น

สำหรับแผนพัฒนาระบบขนส่งและจราจร พ.ศ. 2554-2563 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2554 โดยการทบทวนแผนช่วง 5 ปีหลังนั้น นอกจากให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานแล้ว ยังเน้นเป้าหมาย 1. ไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อการเดินทาง (ฮับ) ภูมิภาค โดยสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดว่าผู้โดยสารจะเพิ่มจาก 3,400 ล้านคนในปี 2557 เป็น 7,700 ล้านคนในปี 2577 ส่วนทางถนนมีการศึกษาประมาณการปริมาณการเดินทางในปี 2563 ที่ 6.3 ล้านเที่ยวต่อวัน เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 2.37% ต่อปี ปริมาณรถบรรทุกสินค้าที่ 682,100 คัน โดยจะมีการพัฒนาประตูการค้าชายแดน รวมถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษ พัฒนาโครงข่ายการขนส่งภายในประเทศเชื่อมโยงเมืองหลักในภูมิภาค พัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 2. เพิ่มความคล่องตัวของระบบขนส่ง เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางทั้งใน กทม. และเมืองใหญ่ 3. เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง 4. ส่งเสริมใช้ขนส่งประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5. ยกระดับการเข้าถึงบริการระบบขนส่งสาธารณะ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้คณะทำงานจะสรุปความเห็นเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการทบทวนแผนหลักฯ ที่มีนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ภายใน 2 เดือน หรือภายในเดือน ก.ย. 2558 เพื่อเริ่มแผนที่ทบทวนใหม่ตั้งแต่ปี 2559
กำลังโหลดความคิดเห็น