xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่นยันร่วมมือไทยพัฒนาระบบราง ตั้ง กก.ร่วมเริ่มงาน ก.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทูตญี่ปุ่นพบ “ประจิน” พร้อมดันร่วมมือระบบรางไทย-ญี่ปุ่น เริ่มทำงานร่วมกันตั้งแต่ ก.ค.นี้ รับปากเร่งเจรจารถไฟสีแดงสัญญา 3 สีแดง “ประจิน” ยัน 18 มิ.ย.สรุปผลปัญหาการบินหลัง “อาคม” เดินทางไปหารือประธาน ICAO ยอมรับกระทบการบินของไทยแน่หาก ICAO ประกาศต่อสาธารณะ พร้อมเตรียมมาตรการรับมือแล้ว ยังหวัง ICAO ให้โอกาสไทยแก้ไขสักระยะ

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนายชิโระ ซะโดะชิมะ (H.E. Mr. Shiro Sadoshima) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่ใหม่ วันนี้ (15 มิ.ย.) ว่า ทางญี่ปุ่นเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีความร่วมมือกันให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาระบบราง เช่น รถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟทางคู่ เพื่อการขนส่งสินค้าเพื่อประโยชน์ร่วมกันสองฝ่าย ซึ่งญี่ปุ่นจะนำเทคโนโลยีที่มีมาตรฐานและมีความปลอดภัยสูงเข้ามาใช้งานในประเทศไทย และยืนยันว่าจะส่งเจ้าหน้าที่ร่วมฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ของประเทศไทยในเรื่องของระบบราง พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมหารือภายในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ เพื่อประชุมในระดับกระทรวงร่วมกันสองฝ่ายเพื่อหาข้อยุติร่วมกันในกรอบความร่วมมือการพัฒนาระบบรางของสองประเทศ และกรอบการทำงานที่จะเริ่มตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นไป และยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยเฉพาะการเจรจาสัญญา 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน) ให้แล้วเสร็จตามกรอบที่กำหนดให้เรียบร้อยเร็วที่สุด โดยทางกระทรวงคมนาคมได้มีการเพิ่มเติมเรื่องของการผลักดันการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น โดยถือว่าเป็นการยกระดับของทั้งสองประเทศให้มีนักเที่ยวเพิ่มมากขึ้นด้วย

“ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้เสนอรายชื่อคณะทำงานความร่วมมือร่วมไทย-ญี่ปุ่นในการพัฒนาระบบรางต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อลงนามแต่งตั้งแล้ว หลังจากวันที่ 26 มิ.ย.แล้วจะมีการประชุมร่วมของคณะทำงานสองฝ่าย ซึ่งทางญี่ปุ่นจะมีผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคม และท่องเที่ยว ของญี่ปุ่น (MLIT) และ JR East และ Japan Railway East มาพูดคุยกันและจะเริ่มทำงานกันตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนทางการเงินจะหารือกันในลำดับต่อไป” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ขณะนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางไปพบประธานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และคาดว่าในวันที่ 18 มิ.ย.จะรวบรวมข้อมูลการเจรจาทั้งหมดเพื่อแถลงข่าวความก้าวหน้า ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้เพื่อชี้แจงความก้าวหน้าในการปรับปรุง แก้ปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) และบทบาทหน้าที่ โครงสร้าง กติกาและคู่มือ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ของกรมการบินพลเรือน (บพ.) เพื่อให้เป็นมาตรฐานความปลอดภัย โดยผลจะมี 3 แนวทาง คือ 1. ทาง ICAO คงสถานะที่ประกาศสำหรับ บพ.ไทยไปสักระยะหนึ่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะพิจารณาการแก้ปัญหาได้ชัดเจน 2. ให้โอกาสไทยในการดำเนินการแก้ไขพร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นแนวทางบวก หรือ 3. เป็นแนวทางลบ คือ อาจจะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะเกี่ยวกับมาตรฐานของไทย ซึ่งจะทำให้สมาชิก ICAO เพ่งเล็งและแบนหรือระงับการบินของสายการบินประเทศไทย ซึ่งเป็นไปได้ทั้ง 3 รูปแบบ

“การแก้ปัญหา บพ.ต้องใช้มาตรา 44 เข้ามาดำเนินการในบางเรื่อง เช่น การขอเพิ่มอัตรากำลัง และการปรับโครงสร้าง บพ.เรื่องจำนวนการบรรจุอัตราในสำนักงานการบินพลเรือนฯ กรมการท่าอากาศยาน และงบประมาณที่จะเสนอขอ อย่างไรก็ตาม หากข้อสรุปหลังวันที่ 18 มิ.ย.เป็นแนวทางที่ 3 ซึ่งเป็นผลลบต่อไทยนั้นยอมรับว่าจะมีผลกระทบต่อไทยแน่นอน แต่ไทยได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว เช่น การปรับบทบาทหน้าที่ ปรับโครงสร้าง บพ. กฎกติกา เพื่อทำให้มีความเข้มแข็งมากที่สุด ส่วนสายการบิน และสนามบินจะต้องหารือกับผู้บริหารสายการบินและสนามบินให้ปรับมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับ โดยในส่วนของสายการบินนั้นมีความชัดเจนว่าจะร่วมมือกันในการพัฒนาตัวเอง และสร้างความเชื่อมั่นกับประเทศต่างๆ ที่บินเข้าออก ส่วนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. มีความพร้อมอยู่แล้ว ดังนั้นมั่นใจว่าจะมีสายการบินทำการบินเข้าออกประเทศไทยแน่นอน นอกจากนี้ จากที่ บพ.เดินทางไปพบกับประเทศที่เป็นพันธมิตรกับไทยทั้งออสเตรเลีย เยอรมนี ไม่ได้ติดใจอะไร และยืนยันว่าจะไม่สร้างปัญหาที่เป็นผลกระทบต่อประเทศไทย” พล.อ.อ.ประจินกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น