ครม.อนุมัติเพิ่ม 48 อัตรากำลังให้กรมการบินพลเรือน (บพ.) สางปัญหาการบิน พร้อมใช้ ม. 44 ออกคำสั่งปรับโครงสร้าง จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลใหม่ "สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ" เปลี่ยนชื่อหน่วยงานปฏิบัติการเป็น "กรมท่าอากาศยาน" เชื่อสถานการณ์คลี่คลายตามกรอบเวลา ที่ ICAO กำหนด
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงความคืบหน้าการปรับปรุงและแก้ไขสถานการณ์ด้านการบินของไทย ให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO)ว่า ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการดำเนินการ 3 กรณี หลัก ได้แก่
1. การกำหนดกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ และอัตราค่าตอบแทนพนักงานในกลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ และกลุ่มงานเทคนิคพิเศษ เพิ่มขึ้นกรณีพิเศษจำนวน 48 อัตรา ของกรมการบินพลเรือน
2. การปรับปรุงโครงสร้าง บทบาทหน้าที่ ของหน่วยงานด้านการบินพลเรือน ตามข้อเสนอแนะของ ICAO ที่ให้แยกบทบาทการกำกับดูแล ออกจากบทบาทด้านการปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 4 หน่วยงานหลัก คือ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานด้านนโยบาย (Policy)จัดตั้ง “สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ”เป็นหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator)จัดตั้ง “กรมท่าอากาศยาน”เป็นหน่วยงานด้านการปฏิบัติการ (Operation)แทนกรมการบินพลเรือนเดิม และปรับปรุงหน่วยงานด้านการสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุเป็นหน่วยงานกลางที่เป็นอิสระจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยให้ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี
3. การแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ ICAO ซึ่งในกรณีแรก ครม.เห็นชอบให้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของระบบราชการปกติ ส่วน 2 กรณีหลัง ต้องมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องอาศัยอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ออกคำสั่ง เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน แก้ไขปัญหาตามเงื่อนเวลาที่ ICAO กำหนดไว้
"ขณะนี้รัฐบาลปรับปรุงและแก้ไขสถานการณ์ด้านการบินของไทยเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานICAO ในทุกด้านที่ยังมีความบกพร่อง ซึ่งหลายประการก็มีความคืบหน้าไปพอสมควรและเร่งดำเนินการทุกด้านให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ทาง ICAO กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามการพิจารณาจะมีผลเป็นเช่นไรถือเป็นสิ่งที่เราไม่อาจก้าวล่วงได้ โดยรัฐบาลจะทำอย่างดีที่สุด ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อให้บรรลุมาตรฐานที่กำหนดไว้" รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ถึงความคืบหน้าการปรับปรุงและแก้ไขสถานการณ์ด้านการบินของไทย ให้สอดคล้องกับมาตรฐานขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization : ICAO)ว่า ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบให้มีการดำเนินการ 3 กรณี หลัก ได้แก่
1. การกำหนดกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ และอัตราค่าตอบแทนพนักงานในกลุ่มงานเชี่ยวชาญพิเศษ กลุ่มงานวิชาชีพเฉพาะ และกลุ่มงานเทคนิคพิเศษ เพิ่มขึ้นกรณีพิเศษจำนวน 48 อัตรา ของกรมการบินพลเรือน
2. การปรับปรุงโครงสร้าง บทบาทหน้าที่ ของหน่วยงานด้านการบินพลเรือน ตามข้อเสนอแนะของ ICAO ที่ให้แยกบทบาทการกำกับดูแล ออกจากบทบาทด้านการปฏิบัติอย่างชัดเจน โดยแบ่งเป็น 4 หน่วยงานหลัก คือ ให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานด้านนโยบาย (Policy)จัดตั้ง “สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศ”เป็นหน่วยงานกำกับดูแล (Regulator)จัดตั้ง “กรมท่าอากาศยาน”เป็นหน่วยงานด้านการปฏิบัติการ (Operation)แทนกรมการบินพลเรือนเดิม และปรับปรุงหน่วยงานด้านการสอบสวนอากาศยานประสบอุบัติเหตุเป็นหน่วยงานกลางที่เป็นอิสระจากหน่วยงานกำกับดูแล โดยให้ขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี
3. การแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ ICAO ซึ่งในกรณีแรก ครม.เห็นชอบให้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนของระบบราชการปกติ ส่วน 2 กรณีหลัง ต้องมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องอาศัยอำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ออกคำสั่ง เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน แก้ไขปัญหาตามเงื่อนเวลาที่ ICAO กำหนดไว้
"ขณะนี้รัฐบาลปรับปรุงและแก้ไขสถานการณ์ด้านการบินของไทยเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานICAO ในทุกด้านที่ยังมีความบกพร่อง ซึ่งหลายประการก็มีความคืบหน้าไปพอสมควรและเร่งดำเนินการทุกด้านให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลาที่ทาง ICAO กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามการพิจารณาจะมีผลเป็นเช่นไรถือเป็นสิ่งที่เราไม่อาจก้าวล่วงได้ โดยรัฐบาลจะทำอย่างดีที่สุด ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อให้บรรลุมาตรฐานที่กำหนดไว้" รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.