คมนาคมรายงานความก้าวหน้าแผนแก้ปัญหาการบิน ICAO ต่อ ครม. พร้อมเตรียมขอใช้มาตรา 44 แยกโครงสร้างกรมการบินพลเรือน ตั้งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติ ขึ้นตรง รมว.คมนาคม และสรรหาผู้บริหารสูงสุด ทำหน้าที่กำกับดูแล และตั้งกรมการท่าอากาศยานบริหาร 28 สนามบินภูมิภาค ลุ้น 18 มิ.ย. ICAO กำหนดประกาศข้อมูลลง Public website มั่นใจแก้ไขข้อบกพร่องปลด SSC ได้ทันหลังพบประธาน ICAO 15 มิ.ย.
นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคมด้านอำนวยการ เปิดเผยว่า ได้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Plan : CAP) ตามโครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล (Universal Safety Oversight Audit Programme : USOAP) ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากที่ได้มีการประชุมร่วมคณะกรรมการ 3 ชุด คือ 1. คณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการตรวจสอบกรมการบินพลเรือนขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นประธานกรรมการ 2. คณะกรรมการดำเนินงานฯ มีตนเป็นประธาน และ 3. คณะอนุกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหา มีนายพงษ์ไชย เกษมทวีศักดิ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจาก 4 สายการบินร่วมด้วย พร้อมทั้งรายงานการปรับโครงสร้างใหม่ โดยแยกบทบาทกรมการบินพลเรือน (บพ.) ออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้, เร่งรัดดำเนินการออกกฎ กบร.และประกาศกรม เพื่อให้สอดคล้องกับกฎ ICAO, เร่งรัดการปรับแผนการแก้ไขข้อบกพร่อง (Corrective Action Plan : CAP) เพื่อปลดล็อกข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ (SSC) ซึ่งจะต้องเสร็จให้ทันก่อนวันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งทาง ICAO กำหนดจะประกาศข้อมูลการแก้ไขของ บพ.ลง Public website ซึ่งเชื่อว่าจะยังมีเวลาเนื่องจากมีกำหนดเข้าพบกับประธาน ICAO ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้
ทั้งนี้ จะเร่งส่งแผนการแก้ไขข้อบกพร่องให้ ICAO ซึ่งหาก ICAO พอใจแผนปรับปรุงจะปลด SSC ซึ่งจะทำให้แก้ปัญหาที่ประเทศสมาชิกจะห้ามสายการบินเช่าเหมาลำของไทยบินเข้าออกได้ ซึ่งแผนแก้ไขเดิมทำบนพื้นฐานที่ บพ.มีคนจำนวน 11 คน แต่ขณะนี้ได้รับคนมาเพิ่มทำให้สามารถปรับลดเวลาในการแก้ไขได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ รวมถึงแก้ไขเรื่องอื่นแบบคู่ขนานไป ทั้งการปรับปรุง กฎระเบียบ การฝึกอบรมใช้มาตรฐาน แนวทางของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป หรือเอียซ่า (EASA) เป็นตัวกำหนด ซึ่งจะต้องเร่งแจ้ง ICAO ทราบถึงแผนใหม่ที่จะปรับปรุงแล้วเสร็จทั้งหมดในปี 2558 จากเดิมที่จะเสร็จปี 2559
“ตอนนี้คนที่สายการบินส่งมาช่วยเริ่มทำงานกันแล้ว เพื่อดูเรื่อง กฎ กบร. ระเบียบ ประกาศกรม ขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบและกำกับ จะต้องปรับปรุงตรงไหนบ้าง โดยจะเขียนเป็นร่างภาษาไทย ไม่ต้องแปลเพราะจะเสียเวลานานถึง 3 เดือนจะไม่ทัน โดยให้อ้างอิงถึงภาคผนวก (Annex) ICAO โดยใช้หลักเอียซ่า จะจบใน 1 เดือน จึงมั่นใจ ว่าจะปรับปรุงได้ใน มิ.ย.-ก.ค. ซึ่งอาจจะเกินกรอบเวลาที่ ICAO ให้ไว้ประมาณครึ่งเดือน ซึ่งกำหนดที่จะพบกับประธาน ICAO ในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ หากแผนมีความก้าวหน้าถึง 80% ICAO น่าจะพอใจและน่าจะปลด SSC หรือจะไม่ประกาศใน Public website” นายวรเดชกล่าว
สำหรับโครงสร้างใหม่นั้น นายวรเดชกล่าวว่า จะเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ และเริ่มทำงานในต้นเดือน พ.ค.นี้ โดยกรมการบินพลเรือนเดิมมีอัตรากำลังข้าราชการ 400 คน และเป็นลูกจ้างในฝ่ายปฏิบัติงานท่าอากาศยาน 28 แห่ง รวมแล้วประมาณ 800 คน ซึ่งโครงสร้างใหม่จะแยกงานกำกับดูแล (Regulator) ตั้งเป็นสำนักงานการบินพลเรือนแห่งชาติ ขึ้นตรงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โดยจะมีคณะกรรมการที่มาจากการสรรหาเป็นผู้กำกับนโยบาย ซึ่งจะเสนอใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 44 จัดตั้ง ส่วนผู้บริหารสูงสุดระดับผู้อำนวยการหรือหัวหน้าสำนักฯ จะมาจากการสรรหา รูปแบบเหมือน กสทช. โดยใช้กฎหมายพิเศษขึ้นรองรับ ซึ่งอาจจะเป็นข้าราชการหรือกรณีเป็นพนักงานราชการพิเศษที่ต้องมีความชำนาญ อาจจะมีค่าจ้างสูงกว่า ส่วนระดับรอง จะคัดจากรองอธิบดีกรมการบินพลเรือน มาทำหน้าที่ โดยในระยะแรกจะออกเป็นบทเฉพาะกาลเพื่อให้เริ่มทำงานได้ก่อน ระหว่างการสรรหาผู้บริหารสูงสุด และคาดว่าจะมีบุคลากรประมาณ 300 คน
ส่วนงานปฏิบัติ (Operator) จะตั้งเป็นกรมการขนส่งทางอากาศ หรือกรมท่าอากาศยาน อยู่ระหว่างการพิจารณาชื่อที่เหมาะสมและรูปแบบระหว่างเป็นหน่วยราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ โดยจะเป็นผู้ให้บริการสนามบิน โดยจะใช้บุคลากรจาก บพ.เดิมรวมประมาณ 1,000 คน ซึ่งอาจจะต้องจัดหาเพิ่มประมาณ 200 คน ซึ่งอยู่ระหว่าง บพ.เสนอรูปแบบเพื่อเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย ระหว่างคงเป็นหน่วยงานราชการเหมือนเดิมหรือเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งภายในเดือน เม.ย.นี้จะสรุปเรื่องโครงสร้างอัตรากำลัง และอัตราค่าจ้างทั้งหมด
