“ประยุทธ์” วางยุทธศาสตร์ข้าวไทย ตั้งเป้าปี 65 ลดต้นทุนการผลิตให้ชาวนาลง 20% และเพิ่มผลผลิตต่อไร่อีก 25% แนะหันปลูกข้าวคุณภาพดีเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคง พร้อมสั่งจัดระเบียบโรงสี หากไม่ได้มาตรฐานต้องถูกปิด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย” ภายในงาน Thailand Rice Convention 2015 ว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการสินค้าข้าวอย่างยั่งยืนและมีเสถียรภาพ โดยตั้งเป้าที่จะลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรลงให้ได้อย่างน้อย 20% และเพิ่มผลผลิตข้าวต่อไร่ให้เพิ่มขึ้นอีก 25% ภายในปี 2565 เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นผู้นำด้านการค้าข้าวในตลาดโลก
“การลดต้นทุนการผลิตคิดว่าทำช้าไปด้วยซ้ำ อยากเร่งให้เร็วกว่านี้ ซึ่งจากนี้ไปจะทำให้เข้มข้นมากขึ้น โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว ทั้งการจัดโซนนิ่งเพื่อลดพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรัง การลดราคาปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง ซึ่งเป็นปัจจัยการผลิต และกำลังผลักดันให้มีการรวมแปลงนาเล็กๆ ให้เป็นแปลงใหญ่ แล้วส่งเสริมให้มีการร่วมกันทำในรูปแบบของสหกรณ์ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้”
นอกจากนี้ ยังได้เร่งวางระบบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการค้าข้าว โดยจะดูแลให้เกิดการแข่งขัน ตั้งแต่การเพาะปลูก การผลิตที่ต้องได้ตามมาตรฐานสากล การสีข้าวที่ต้องได้ตามมาตรฐานการผลิต (GMP) การเก็บรักษาที่ต้องรักษาคุณภาพข้าว การบริหารจัดการสต๊อกข้าว การจำหน่ายข้าวทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของโรงสี ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ออกตรวจสอบโรงสีทั่วประเทศว่ามีคุณภาพจริงหรือไม่ เพราะทุกปีรัฐต้องใช้เงินจ้างโรงสีดูแลสต๊อกข้าววงเงินเป็นหมื่นล้านบาท หากตรวจพบว่าโรงสีใดไม่มีคุณภาพก็ต้องถูกปิด จากนั้นรัฐจะจ้างโรงสีในระบบของสหกรณ์ที่อาจทำเป็นโรงสีย่อยหรือโรงสีกลางเข้ามาดูแลแทน ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ได้มอบเป็นนโยบายให้ทำโดยเร็ว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การค้าข้าวในตลาดโลก แม้ว่าในปีที่ผ่านมาไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้มากถึง 10.97 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 5,439 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ไม่อยากให้ยึดติดกับตัวเลขนี้ และเลิกคิดที่จะมุ่งผลิตเพื่อส่งออกให้ได้ปริมาณมากๆ เพราะอาจเจอกับปัจจัยที่มีผลเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งเรื่องของสภาพเศรษฐกิจโลกและสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งล้วนเป็นความเสี่ยง แต่ขอให้หันมามุ่งผลิตข้าวที่มีคุณภาพมากขึ้นแทนเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค
“ทั่วโลกเจอปัญหาเศรษฐกิจหมด ไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะเป็นทั้งผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ประเทศคู่ค้าหลักๆ ต่างได้รับผลกระทบ จึงมีผลต่อการนำเข้าข้าว ซึ่งขณะนี้ไทยจะเน้นค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน และกลุ่มประเทศโอเชียเนียให้มากขึ้น เพราะยังเป็นตลาดที่ไปได้ โดยอยากขอเวลาและขอให้อดทนอีกนิด เพราะรัฐบาลกำลังหาทางแก้ปัญหาอยู่”
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าว รัฐบาลจะดำเนินการใน 7 ด้านหลัก คือ 1. การพัฒนาข้าวที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ 2. การสร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าข้าวตามกลไกตลาด 3. การส่งเสริมและผลักดันการใช้มาตรฐานการผลิตและการค้าให้ได้มาตรฐานสากล 4. การพัฒนาศักยภาพระบบการค้าข้าวและการตลาด โดยไทยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกข้าวที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกระดับ 5. การสร้างค่านิยมการบริโภคข้าว โดยสอดแทรกวัฒนธรรมข้าวไทยเข้าไปในทุกๆ กิจกรรม ทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ 6. การส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและการแปรรูปข้าว และ 7. การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระบบการบริหารจัดการลอจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทานรัฐบาลมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคเกษตรกร
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เห็นด้วยกับแนวคิดของนายกฯ ที่จะให้ลดพื้นที่การปลูกข้าวนาปรังลง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเจ้า แล้วหันมาเน้นปลูกข้าวที่มีคุณภาพหรือพรีเมียมมากขึ้นแทน