“พาณิชย์”จัดงานไทยแลนด์ ไรซ์ คอนเวนชั่น โชว์ศักยภาพไทยผู้นำการผลิต ส่งออกข้าวคุณภาพอันดับหนึ่งของโลก เชิญคนวงการข้าวกว่า 500 คนร่วมงาน จัดเวทีเจรจาธุรกิจ กระตุ้นให้เกิดการซื้อขาย พร้อมจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ”ที่ทรงมีต่อข้าวไทย เผยส่งออกข้าว 4 เดือน 3.3 ล้านตัน ปริมาณลด แต่ข้าวคุณภาพดีส่งออกได้เพิ่ม เตรียมชง นบข. ไฟเขียวเปิดประมูลข้าว
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ จะจัดงาน Thailand Rice Convention 2015 ซึ่งเป็นงานประชุมสัมมนาทางวิชาการระดับนานาชาติ ระหว่าง 19-21 พ.ค.2558 ที่อิมแพค เมืองทองธานี โดยได้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “คิดถึงข้าว นึกถึงข้าวไทย” เพื่อแสดงศักยภาพให้ทั่วโลกเห็นว่าไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพดีของโลก ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านคุณภาพ สุขอนามัย โภชนาการ และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“กรมฯ ไม่ได้ตั้งเป้าให้ไทยเป็นแชมป์ส่งออกแค่ในแง่ปริมาณ แต่ตั้งเป้าเป็นแชมป์ในด้านคุณภาพด้วย โดยจากนี้ไป ไทยจะมีข้าวที่เสริฟได้ทุกมิติ เสริฟได้ทุกความต้องการ ซื้อมาก ซื้อน้อย ก็ขายได้หมด เพราะปัจจุบัน ไทยสามารถขายข้าวไปได้แล้ว 140 ประเทศทั่วโลก แทบจะไม่มีประเทศไหนที่ข้าวไทยไม่เคยเข้าไปขาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าข้าวไทยมีดี และตอบสนองทุกความต้องการได้”
นางดวงพรกล่าวว่า ในการจัดงาน กรมฯ ได้เชิญคนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมข้าวทั้งภาครัฐและเอกชน จากภาคการผลิต การค้า การส่งออก หน่วยงานที่กำกับดูแลการซื้อข้าวในประเทศผู้ซื้อ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ผลิตและส่งออกที่สำคัญ เช่น จีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เวียดนาม พม่า กัมพูชา และสปป.ลาว รวมทั้งเกษตรกร และสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศมาร่วมงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมกว่า 500 คน
โดยภายในงาน กรมฯ ได้จัดให้มีการเจรจาธุรกิจการค้า เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้นำเข้าข้าว ผู้ประกอบการค้าข้าว และผู้ส่งออกข้าว ได้พบปะเจรจาการค้า ซึ่งจะพัฒนาไปสู่การซื้อขายข้าวที่เป็นรูปธรรมในอนาคต และรัฐบาลไทยยังได้ใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลต่างประเทศที่เดินทางมาร่วมงาน และสร้างภาพลักษณ์ให้กับข้าวไทย โดยการตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในการผลิตข้าวคุณภาพ และส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของไทยในตลาดโลก
สำหรับรายละเอียดการจัดงาน ได้รับเกียรติจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมาเป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย” และยังจะมีการหารือ เสวนา อภิปรายทิศทางและแนวโน้มการค้าข้าวโลก โดยผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนของไทยและต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทิศทาง แนวโน้มการค้าข้าวไทย การค้าในตลาดภูมิภาคเอเชีย และการค้าข้าวโลก เป็นต้น
นางดวงพรกล่าวว่า ในส่วนของนิทรรศการ กรมฯ ได้จัดนิทรรศการเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา “เทิดเกล้าเจ้าฟ้าสิรินธร” โดยจะนำเสนอข้อมูลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มีต่อเกษตรกรชาวนาไทยเพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืน ได้แก่ ธนาคารเมล็ดพันธุ์ชุมชน การจัดทำหัตถกรรมในวิถีข้าว และโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ซึ่งเป็นศูนย์การอบรมกระบือในการทำนา ทำการเกษตร และกิจกรรมต่างๆ และให้ความรู้แก่เกษตรกรที่สนใจจะใช้ประโยชน์จากกระบือในการประกอบอาชีพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังได้จัดนิทรรศการความหลากหลายของมหัศจรรย์ข้าวไทยพันธุ์ดี 4 ภาค เพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ไทยในฐานะอู่ข้าวอู่น้ำ การนำเสนอเส้นทางของการผลิตข้าวไทยที่มีคุณภาพมาตรฐานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ และการสร้างคุณค่าข้าวไทย นวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ข้าวทั้งอุปโภคและบริโภค
ส่วนกิจกรรมอื่นๆ กรมฯ ได้นำผู้เข้าร่วมงานศึกษาดูงาน ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์ข้าว หน่วยปฏิบัติการค้นหาและใช้ประโยชน์ยีนข้าว ณ จังหวัดนครปฐม เพื่อรับทราบถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวของไทย และการตรวจวิเคราะห์พันธุกรรมและการใช้ประโยชน์ยีนข้าว
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับการส่งออกข้าวในช่วง 4 เดือนของปี 2558 (ม.ค.-เม.ย.) ไทยส่งออกข้าวได้ประมาณ 3.3 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออกได้ 3.8 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปตามทิศทางตลาดโลกที่ขณะนี้ค่อนข้างเงียบ แต่ก็มีเรื่องที่น่ายินดี เพราะข้าวคุณภาพดีของไทยสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นประมาณ 6% และมีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ส่วนราคายอมรับว่าปรับตัวลดลงตามทิศทางตลาดโลก ไม่ได้ลดลงแรง ค่อยๆ ปรับลดลง แต่ยังคงสูงกว่าคู่แข่งทั้งอินเดียและเวียดนาม
ทั้งนี้ กรมฯ กำลังพิจารณาการระบายข้าวในสต๊อก ที่มีเหลืออยู่ประมาณ 16 ล้านตัน โดยข้าว มีทั้งข้าวคุณภาพดี ซึ่งเหลือไม่มาก ข้าวหย่อนเกรด ข้าวเสื่อม และข้าวที่ติดคดีความ ซึ่งข้าวแต่ละชนิด จะมีวิธีการระบายที่แตกต่างกัน โดยจะรวบรวมและนำเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาในวันที่ 18 พ.ค.2558 เพราะเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะระบาย เนื่องจากหมดฤดูข้าวนาปรัง และกว่าข้าวใหม่จะออกมาก็ช่วงปลายปี