“พาณิชย์”ชี้แจงรายละเอียดการเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล 1.06 ล้านตัน ยันใครเสนอราคาผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำจะเคาะขายให้ พร้อมเปิดให้ไปตรวจคุณภาพข้าวได้ตั้งแต่วันที่ 8-12 มิ.ย. ก่อนให้ยื่นประมูล 15 มิ.ย. มั่นใจมีผู้เข้าประมูลคึกคักแน่ เผยเตรียมเปิดระบายอีกไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งก่อนนาปีออก ส่วนข้าวที่มีปัญหาอีก 14 ล้านตัน จ่อชง นบข. อนุมัติขายให้อุตสาหกรรม เหตุไม่เหมาะบริโภค
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยภายหลังการชี้แจงรายละเอียดการประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2558 ว่า กรมฯ ได้ออกประกาศเปิดระบายข้าวสารในสต๊อกปริมาณ 1.06 ล้านตัน ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ ให้กับผู้ที่สนใจ ส่วนใหญ่เป็นข้าวขาว 5% และปลายข้าว อยู่ใน 153 คลัง จาก 35 จังหวัด โดยจะเปิดให้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ณ คลังที่เปิดประมูลได้ระหว่างวันที่ 8-12 มิ.ย.ในเวลาราชการ จากนั้นจะให้ยื่นซองเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติในวันที่ 15 มิ.ย. และประกาศผู้ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 16 มิ.ย. เวลา 09.00 น. จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาในเวลา 09.00-10.30 น. และจะเปิดซองหลังสิ้นสุดเวลาที่กำหนดทันที
ทั้งนี้ การพิจารณาขายข้าว กรมฯ จะนำเสนอรายชื่อผู้ที่ยื่นประมูลที่ผ่านเกณฑ์มูลค่าขั้นต่ำเสนอให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาเพื่ออนุมัติการขายต่อไป
“กรมฯ เชื่อว่าการเปิดประมูลข้าวครั้งนี้ จะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก เพราะผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาดหมดแล้ว อีกทั้งขณะนี้ปัญหาภัยแล้ง ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด คาดว่าจะมีผู้ซื้อข้าวไปเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ส่วนทิศทางราคาข้าว แม้ในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง แต่ราคาข้าวไทยกลับเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้ผลผลิตในท้องตลาดไม่มี”
นางดวงพรกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เปิดประมูลข้าวไปแล้ว 6 ครั้ง นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ โดยสามารถระบายข้าวไปได้แล้วกว่า 2.017 ล้านตัน มูลค่ารวม 22,374 ล้านบาท ยังคงเหลือข้าวในสต็อกอยู่ประมาณ 16 ล้านตัน ซึ่งในจำนวนนี้มีข้าวคุณภาพดีอยู่ทั้งสิ้น 2.6 ล้านตัน ซึ่งเตรียมจะระบายในโอกาสต่อไป โดยคาดว่าก่อนข้าวนาปีจะออก จะมีการเปิดประมูลอีกราว 2 ครั้ง
ส่วนข้าวที่เหลืออีก 13-14 ล้านตัน เป็นข้าวในคลังที่มีทั้งข้าวคุณภาพดีและข้าวเสื่อมคุณภาพปนกันอยู่ บางส่วนยังเป็นข้าวที่ติดคดี ซึ่งทางตำรวจอยู่ระหว่างเร่งรัดดำเนินคดี ซึ่งข้าวกลุ่มนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางระบายที่เหมาะสม เนื่องจากเป็นข้าวที่ไม่เหมาะสมกับการบริโภค โดยอาจจะต้องเสนอ นบข. อนุมัติให้ระบายไปสู่ภาคอุตสาหกรรม
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับการเปิดประมูลเพื่อนำเข้าข้าวของประเทศฟิลิปปินส์ ปริมาณ 2.5 แสนตัน ที่เปิดให้เสนอราคาวันที่ 5 มิ.ย. กรมฯ ได้เสนอราคาขายปริมาณ 1 แสนตัน แต่ฟิลิปปินส์เห็นว่าราคาที่ไทยเสนอยังแพงอยู่และได้ขอให้ปรับลดลงอีก ตันละ 9-10 เหรียญสหรัฐ ซึ่งกรมฯ ได้หารือกับ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ รมว.พาณิชย์แล้วพิจาณาให้ยืนราคาเดิม และหากฟิลิปปินส์ไม่รับข้อเสนอขายของไทยก็ให้ยกเลิกไป เพราะเห็นว่าหากขายราคาต่ำมากเกินไปจะกระทบภาพรวมตลาดข้าวของไทย และเมื่อประเมินต้นทุนราคาข้าวสาร 25% (ใหม่ ) และค่าใช้จ่ายการขนส่งถึงหน้าคลังภายใน 1 เดือน ก็จะไม่คุ้มค่า หากเสนอราคาต่ำเกินไป
ส่วนกระแสข่าวที่ให้กระทรวงพาณิชย์ไปศึกษาการทำข้าวถุงเพื่อประชาชน เบื้องต้นยังไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นทางการ แต่ยอมรับว่า หากจะใช้ข้าวในสต็อกรัฐบาลมาดำเนินการในโครงการ จะมีเงื่อนไขที่ต้องปรับปรุงสภาพอีกมากเพราะส่วนใหญ่เป็นข้าวเก่าที่แม้จะตรงตามรสนิยมของคนไทย แต่ข้าวที่มีคุณภาพเก่ามากๆ อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงคุณภาพสูง โดยต้องพิจารณาอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หากมีคำสั่งที่ชัดเจน
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการเปิดชี้แจงการประมูลข้าวครั้งนี้ มีผู้สนใจเข้าร่วมฟังรายละเอียดการประมูลประมาณ 20 ราย ซึ่งไม่คึกคักเหมือนกับการเปิดประมูล 2 ครั้งก่อนหน้านี้ โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นเพราะเงื่อนไขการเปิดประมูลไม่แตกต่างจากครั้งก่อน จึงไม่มีข้อสงสัย