ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เห็นชอบเยียวยาชาวนา 229 ราย 528 ล้าน พร้อมช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวนาปรังฤดูปัจจุบัน ลดดอกเบี้ย 3% ให้ผู้ประกอบการซื้อข้าว พร้อมลดราคาปุ๋ยสูงสุดกระสอบละ 50 บาท “ประยุทธ์” เผยเสนอแผน 5 ปีข้าวเข้มแข็ง ย้ำต้องจัดโซนนิง หันไปปลูกปาล์มน้ำมันทำไบโอดีเซล
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 2/2558 ว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแผนการดำเนินงานระยะยาว 5 ปี ที่จะทำให้ข้าวไทยเข้มแข็ง มีราคา ตลาดข้าวและการช่วยเหลือต่างๆ ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบแผนงานดังกล่าวแล้ว แต่จะต้องมีการนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง รายละเอียดไม่สามารถพูดได้ในตอนนี้ ซึ่งเราจะต้องจัดโซนนิงให้ได้ ตนได้สั่งการไปว่าไม่ใช่หารือหารือการเฉพาะข้าวอย่างเดียว จะสามารถเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไปปลูกปาล์มหรืออ้อยได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะต้องมีการสร้างโรงงานเพิ่มเพื่อมารองรับการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล รวมทั้งจะต้องมีการปรับปรุงเทคโนโลยีในโรงงานใหม่
เมื่อถามถึงการระบายข้าว 7 แสนตันได้อนุมัติแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์แจ้งว่าได้อนุมัติไปแล้วเมื่อวานนี้ (29 มี.ค.) แต่ตนต้องรู้ทุกเรื่องหรือ หัวจะแตกแล้ว งงไปหมดแล้ว แต่ไม่มีเหนื่อย
น.ส.ชุติมา บุญยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 2/2558 ว่า การช่วยเหลือชาวนาที่ถูกโกงนั้นคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้ยื่นเรื่องมาถึงรัฐบาล จึงมีการช่วยเหลือเยียวยาช่วยเหลือ แต่ที่ช้าเพราะตัวเลขคลาดเคลื่อน ทั้งนี้ มีจำนวนของชาวนาทั้งหมด 229 ราย ปริมาณข้าว 4,419.7 ตัน วงเงินในการช่วยเยียวยาคือ 528.35 ล้านบาท โดยที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งนี้ต้องดำเนินตามกฏหมาย หากจะดำเนินการเรื่องนี้ต้องให้คดีสิ้นสุดก่อน แต่รัฐบาลเล็งเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือชาวนาก็จะนำเรื่องไปสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อนำเงินออกไปช่วยเยียวยาโดยไม่ต้องรอให้คดีสิ้นสุด ส่วนการเยียวยานั้นเป็นการจ่ายเงินคืนจากการที่ชาวนาคิดว่าเอาข้าวไปขาย เพราะคิดว่าจำนำไว้ แต่ก็มีการโกงจากการจำนำข้าว เท่ากับราคาที่กำหนดไว้
น.ส.ชุติมา กล่าวอีกว่า เรื่องที่สองซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ คือ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังในฤดูการผลิตปัจจุบัน โดยเห็นชอบให้นำเงินไปช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยลดดอกเบี้ยและชดเชยดอกเบี้ยให้ 3 เปอร์เซ็นต์ เพื่อผู้ประกอบการจะได้ซื้อข้าวในตลาดเพิ่มขึ้นมา แล้วราคาข้าวจะได้ไม่ตก เป็นการช่วยผู้ประกอบการให้มีสภาพคล่อง โดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ได้รายงานในที่ประชุมเพิ่มเติมว่า ได้เชิญสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทยมาหารือกัน โดยสมาคมฯ จะมีการลดราคาปุ๋ยตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย. เป็นต้นไป และจะลดลงให้กระสอบละ 50 บาท ส่วนวงเงินชดเชย 528 ล้านบาท เป็นวงเงินที่เหลือจากการช่วยเหลือข้าวนาปีของปีที่แล้ว ซึ่งเอามาทำต่อในนาปรังปีนี้ ข้าวนาปรังที่ระบายออกปีนี้ ตัวเลขจากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6.7 ล้านตัน ลดลง 30 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องระบายข้าวที่ประชุมก็รับทราบความคืบหน้า ขณะนี้ระบายไปทั้งหมดแล้ว 2.8 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวในสต๊อก 2 ล้านตัน ส่วน 8 แสนตัน เป็นข้าวในฤดูใหม่ที่ขายไปโดยใช้ข้าวในตลาดแลกกับข้าวในสต็อก ซึ่งเป็นการฉุดราคาข้าวในตลาดให้สูงขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การประมูลข้าวรอบที่ 3 เป็นอย่างไร น.ส.ชุติมา กล่าวว่า ช้าลงกว่าเป้าหมายเดิม เนื่องจากว่าประมูลไปสองครั้ง ต้องตรวจสอบข้าวที่ไม่สามารถขายให้กับบางรายได้ จึงทำให้แผนการประมูลล่าช้าไป เมื่อตรวจสอบจนมั่นใจทำให้การประมูลรอบที่ 3 พลาดไป จึงต้องเลื่อนเพื่อไม่ต้องการให้ข้าวในฤดูใหม่ราคาตก รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญกับข้าวฤดูใหม่ ต้องการเห็นราคาข้าวในตลาดอยู่ในเกณฑ์ที่สูง เพื่อชาวนาจะได้กำไร