กระบี่ - จังหวัดกระบี่ เตรียมเพิกถอนสิทธิ ส.ป.ก. กว่า 400 ราย จำนวน 109 แปลง หลังพบผู้ครอบครองเป็นเพียงนอมินีให้นายทุนยึดพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน รวมเนื้อที่เฉียด 5,000 ไร่
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ทางสำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ (ส.ป.ก.) ได้มีการตรวจสอบสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.ต่อผู้ถือครอง จำนวนกว่า 400 ราย จำนวน 109 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ ที่ได้มีการออกเอกสารสิทธิไปแล้วในพื้นที่ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ พบว่า ไม่ได้มีผู้ถือครองที่เป็นเกษตรกรอยู่จริง โดยพบว่าจากการตรวจสอบผู้ที่ถือครอง และทำประโยชน์อยู่จริง ได้แก่ บริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกระบี่ ผิดเงื่อนไขการถือครอง ซึ่งจะได้มีการนำเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัด เพื่อเพิกถอนสิทธิ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการของการเพิกถอนสิทธิแล้ว คาดว่าไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ ก็จะนำที่ดินดังกล่าวมาเข้ากระบวนการจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพได้อย่างแน่นอน ส่วนผู้ใดจะได้รับหรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป และขอเตือนไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ที่ตั้งโต๊ะรับลงทะเบียน และมีการจ่ายค่าหัวคิวเพื่อแลกต่อการจะให้สิทธิในที่ดินแก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้ เพราะผู้ที่จะพิจารณาให้สิทธิได้ คือ ข้าราชการเท่านั้น
ด้าน นายบัณฑูร บุญนรากร ปฎิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่มีการพิจารณาเพิกถอนสิทธิ ส.ป.ก.ที่ทางบริษัทสหอุตสาหกรรมนำมันปาล์มกระบี่ อยู่ในวันที่ 26 ก.พ.หรือวันพรุ่งนี้ หากไม่มีการร้องคัดค้านก็จะสามารถเข้าไปรังวัด และจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพได้ แต่คาดว่าคงจะไม่มีการคัดค้านแน่นอน เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้มีการยอมรับเองว่าเป็นผู้ถือครองที่ดิน และทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวอยู่ แต่ทั้งนี้ กลุ่มมวลชน และบริษัทที่เข้าไปบุกรุกอยู่จะต้องออกจากพื้นที่ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับพื้นที่ที่ทางบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกระบี่ ได้ถือครองมีการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.ประมาณ 5,000ไร่ มีการปลูกปาล์มน้ำมัน และเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2557 กลุ่มเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน นำโดย นายสุมนตรี สุขดำ พร้อมสมาชิก ประมาณ 700 คน ได้บุกยึดพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำการตรวจสอบสิทธิ ส.ป.ก.จนพบว่าไม่มีเกษตรกรถือครองอยู่แม้แต่รายเดียว โดยผู้ที่ถือครอง และทำประโยชน์จริงคือบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกระบี่ จนนำไปสู่การเข้ากระบวนการเพิกถอนที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.)
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ทางสำนักงานปฎิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ (ส.ป.ก.) ได้มีการตรวจสอบสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.ต่อผู้ถือครอง จำนวนกว่า 400 ราย จำนวน 109 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ ที่ได้มีการออกเอกสารสิทธิไปแล้วในพื้นที่ ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ พบว่า ไม่ได้มีผู้ถือครองที่เป็นเกษตรกรอยู่จริง โดยพบว่าจากการตรวจสอบผู้ที่ถือครอง และทำประโยชน์อยู่จริง ได้แก่ บริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกระบี่ ผิดเงื่อนไขการถือครอง ซึ่งจะได้มีการนำเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการปฎิรูปที่ดินจังหวัด เพื่อเพิกถอนสิทธิ ในวันที่ 26 ก.พ.นี้
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการของการเพิกถอนสิทธิแล้ว คาดว่าไม่เกินเดือนมีนาคมนี้ ก็จะนำที่ดินดังกล่าวมาเข้ากระบวนการจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพได้อย่างแน่นอน ส่วนผู้ใดจะได้รับหรือไม่อยู่ที่คณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นผู้พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป และขอเตือนไปยังประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ที่ตั้งโต๊ะรับลงทะเบียน และมีการจ่ายค่าหัวคิวเพื่อแลกต่อการจะให้สิทธิในที่ดินแก่ผู้หนึ่งผู้ใดได้ เพราะผู้ที่จะพิจารณาให้สิทธิได้ คือ ข้าราชการเท่านั้น
ด้าน นายบัณฑูร บุญนรากร ปฎิรูปที่ดินจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังจากที่มีการพิจารณาเพิกถอนสิทธิ ส.ป.ก.ที่ทางบริษัทสหอุตสาหกรรมนำมันปาล์มกระบี่ อยู่ในวันที่ 26 ก.พ.หรือวันพรุ่งนี้ หากไม่มีการร้องคัดค้านก็จะสามารถเข้าไปรังวัด และจัดสรรให้แก่ผู้ที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าครองชีพได้ แต่คาดว่าคงจะไม่มีการคัดค้านแน่นอน เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้มีการยอมรับเองว่าเป็นผู้ถือครองที่ดิน และทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวอยู่ แต่ทั้งนี้ กลุ่มมวลชน และบริษัทที่เข้าไปบุกรุกอยู่จะต้องออกจากพื้นที่ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับพื้นที่ที่ทางบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกระบี่ ได้ถือครองมีการออกเอกสารสิทธิที่ดิน ส.ป.ก.ประมาณ 5,000ไร่ มีการปลูกปาล์มน้ำมัน และเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2557 กลุ่มเกษตรกรไร้ที่ดินทำกิน นำโดย นายสุมนตรี สุขดำ พร้อมสมาชิก ประมาณ 700 คน ได้บุกยึดพื้นที่ พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำการตรวจสอบสิทธิ ส.ป.ก.จนพบว่าไม่มีเกษตรกรถือครองอยู่แม้แต่รายเดียว โดยผู้ที่ถือครอง และทำประโยชน์จริงคือบริษัทสหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มกระบี่ จนนำไปสู่การเข้ากระบวนการเพิกถอนที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.)