นายกฯแจงนำเข้าน้ำมันปาล์ม 5 หมื่นตัน อ้างแก้ปัญหาขาดแคลนระยะสั้น หลังหมดฤดูเก็บเกี่ยว ลั่นไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ท้าใครมีหลักฐานแฉได้เลย ด้าน “ถาวร” เด็ก ปชป.โวยรัฐคิดสั้น ห่วงแต่ผู้บริโภค ไม่มองความเดือดร้อนเกษตรกร ระบุกระทืบซ้ำไม่ต่างชาวนา-สวนยาง เชื่อกระทบราคาทั้งระบบ เผย ส.สวนปาล์มเตรียมยื่นหนังสือทบทวน
วานนี้ (19 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศจำนวน 5 หมื่นตัน ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มว่า จะมีการนำเข้าจำนวน 5 หมื่นตันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น เนื่องจากรัฐบาลรู้ว่าปาล์มน้ำมันจะต้องขาดตลาด และพยายามจะไม่นำเข้าปาล์มดิบ แต่ปัญหาคือ ขณะนี้ปาล์มน้ำมันหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อย จึงไม่เพียงพอแน่นอน รัฐบาลจึงต้องมีการปรับ ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันกำลังลดลง จึงนำเอาปาล์มที่ผลิตอยู่ในประเทศในสัดส่วนที่จะนำไปแปรรูปเป็นพลังงานลดลง ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้ไบโอดีเซลน้อยลง จึงดึงเอาส่วนนี้เพื่อผลิตเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค
“จะนำเข้าเพียง 5 หมื่นตันจากประเทศรอบบ้าน เป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเท่านั้น โดยมีการพูดคุยกับบริษัทนำเข้าแล้วว่าจะมีการนำเข้าเป็นระยะๆ หากเพียงพอก็ไม่ต้องนำเข้า ยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ใครมีเรื่องผลประโยชน์ก็ไปหาหลักฐานมา” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ด้าน นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ยังแก้ไขปัญหาเกษตรกรไม่ได้เลย ทั้งข้าวและยางพาราราคาตกต่ำ เกษตรชาวนาและชาวสวนยาง กว่า 30 ล้านคนกำลังเดือดร้อน เพราะปัญหายังไม่ได้แก้ไข แต่ยังกลับหาเรื่องซ้ำเติมโดยการจะนำเข้าน้ำปาล์มจำนวนมหาศาลเข้ามาอีก ที่สำคัญที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ย และยาปราบศัตรูพืช ที่ปล่อยให้นายทุนคนกลางค้ากำไรเกินควรกับพี่น้องเกษตรกร และไม่เคยแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม จนเกิดข่าวเรือลักลอกขนน้ำมันปาล์มล่มในอ่าวไทยทั้งที่ จ.นราธิวาส และ จ.ระยอง วันนี้ตนทราบว่า นายสมพร ศรีเพชร นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน กำลังหารือกับพี่น้องชาวสวนปาล์ม เพื่อทำหนังสือขอให้รัฐบาลทบทวนการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ในครั้งนี้
นายถาวร กล่าวต่อว่า ตนในฐานะที่คลุกคลีกับพี่น้องเกษตรกร ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากว่า เกษตรกรต่างจับตาการทำงานของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นพิเศษในการแก้ไขปัญหาว่า ไม่มีฝีมือ หรือมีอะไรมาปิดบัง เช่น ที่พูดว่ามีการขายยางพาราในสต็อกของรัฐบาล ให้ บริษัท ไห่หนาน ไชน่า จำนวน 4 แสนตันไปนานแล้ว จนถึงวันนี้มีการส่งมอบยางไปแล้วจำนวนเท่าใด หรือที่มีบอกว่า จะขายยางให้ต่างประเทศแถบยุโรปอีก 8 หมื่นตัน ได้ส่งมอบยางพาราไปแล้วเท่าใด หรือเป็นเพียงการสร้างข่าวให้ราคายางทรงตัว เช่นเดียวกับกรณีการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ที่มองเพียงมิติเดียวคือ มิติของผู้บริโภคที่ร้องว่าราคาน้ำมันปาล์มแพง จึงแก้ปัญหาง่ายๆ โดยการนำเข้าเพื่อให้ผู้ผลิตมาบรรจุขวดขาย แต่ละเลยในมิติของเกษตรกรผู้ผลิต หากการนำเข้าครั้งนี้มีผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำลงจากที่เป็นอยู่ 5.60 บาทต่อกิโลกรัม ถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
“ผมขอคัดค้านการนำเข้าน้ำมันปาล์มครั้งนี้ โดยขอให้รัฐบาลทบทวนว่า อย่าสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องเพิ่มขึ้นอีกเลย มิฉะนั้นประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบปากท้องค่าครองชีพไม่มีเงิน ใครก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ขอให้ลงมาปัญหาข้อเท็จจริงของเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ” นายถาวร กล่าว
วานนี้ (19 ม.ค.) นายวิศาล จันทร์ทิพย์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางรัฐบาลได้มีนโยบายนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ ส่งผลทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันภายในประเทศตกต่ำลงทันที จากราคากิโลกรัมละ 6.00 บาท ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 5.80 บาท ลดลงทันที 20 สตางค์ และมีแนวโน้มว่าราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันจะลดลงไปอีก คาดว่าลดลงต่ำกว่าราคากิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ เพราะมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ รวมกว่า 1 ล้านไร่
นายวิศาล กล่าวอีกว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำลงในช่วงนี้เป็นผลมาจากนโยบายน้ำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 50,000 ตันของรัฐบาล และในช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไปก็จะเป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรออกมากก็เชื่อว่าจะทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรยิ่งตกต่ำลงไปอีก จึงอยากขอร้องให้ทางรัฐบาลเร่งหาวิธีการที่ยับยั้งไม่ให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำลงไปอีก โดยให้รัฐบาลมีการประกันราคาไว้ที่กิโลกรัมละ 5 บาท หากว่าราคาผลผลิตปาล์มมีแนวโน้มตกต่ำกว่า 5 บาท
สำหรับทางออกอย่างเร่งด่วนก็คืออยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยจัดการตัวเลขน้ำมันที่มีอยู่ในสต๊อกให้ชัดเจน เพราะเมื่อประมาณเดือน พ.ค.57 ทราบว่าจำนวนน้ำมันในสต๊อกมีประมาณ 3 แสนตัน แต่เมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.58 พบว่าน้ำมันในสต๊อกเหลืออยู่เพียง 7 หมื่นตัน ซึ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเลขของน้ำมันในสต๊อก ที่พบว่าลดลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต้องออกมาชี้แจงให้ได้ว่าน้ำมันที่หายไปอยู่ตรงไหน
"จึงขอฝากไปยังรัฐบาลช่วยหาตัวเลขที่แน่ชัดของน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ในสต๊อกให้ชัดเจน และยกเลิกการนำเข้า ก็เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง และในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ทางตัวแทนชาวสวนปาล์มน้ำมันก็จะมีการพูดคุยหารือกัน และจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอให้แก่ทางรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป"
วานนี้ (19 ม.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน มีมติให้มีการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบกึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศจำนวน 5 หมื่นตัน ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์มว่า จะมีการนำเข้าจำนวน 5 หมื่นตันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น เนื่องจากรัฐบาลรู้ว่าปาล์มน้ำมันจะต้องขาดตลาด และพยายามจะไม่นำเข้าปาล์มดิบ แต่ปัญหาคือ ขณะนี้ปาล์มน้ำมันหมดฤดูกาลเก็บเกี่ยว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อย จึงไม่เพียงพอแน่นอน รัฐบาลจึงต้องมีการปรับ ซึ่งขณะนี้ราคาน้ำมันกำลังลดลง จึงนำเอาปาล์มที่ผลิตอยู่ในประเทศในสัดส่วนที่จะนำไปแปรรูปเป็นพลังงานลดลง ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้ไบโอดีเซลน้อยลง จึงดึงเอาส่วนนี้เพื่อผลิตเป็นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภค
“จะนำเข้าเพียง 5 หมื่นตันจากประเทศรอบบ้าน เป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้นเท่านั้น โดยมีการพูดคุยกับบริษัทนำเข้าแล้วว่าจะมีการนำเข้าเป็นระยะๆ หากเพียงพอก็ไม่ต้องนำเข้า ยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ใครมีเรื่องผลประโยชน์ก็ไปหาหลักฐานมา” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ด้าน นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ยังแก้ไขปัญหาเกษตรกรไม่ได้เลย ทั้งข้าวและยางพาราราคาตกต่ำ เกษตรชาวนาและชาวสวนยาง กว่า 30 ล้านคนกำลังเดือดร้อน เพราะปัญหายังไม่ได้แก้ไข แต่ยังกลับหาเรื่องซ้ำเติมโดยการจะนำเข้าน้ำปาล์มจำนวนมหาศาลเข้ามาอีก ที่สำคัญที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยแก้ไขปัญหาราคาปุ๋ย และยาปราบศัตรูพืช ที่ปล่อยให้นายทุนคนกลางค้ากำไรเกินควรกับพี่น้องเกษตรกร และไม่เคยแก้ไขปัญหาการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม จนเกิดข่าวเรือลักลอกขนน้ำมันปาล์มล่มในอ่าวไทยทั้งที่ จ.นราธิวาส และ จ.ระยอง วันนี้ตนทราบว่า นายสมพร ศรีเพชร นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน กำลังหารือกับพี่น้องชาวสวนปาล์ม เพื่อทำหนังสือขอให้รัฐบาลทบทวนการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ในครั้งนี้
นายถาวร กล่าวต่อว่า ตนในฐานะที่คลุกคลีกับพี่น้องเกษตรกร ได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากว่า เกษตรกรต่างจับตาการทำงานของ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เป็นพิเศษในการแก้ไขปัญหาว่า ไม่มีฝีมือ หรือมีอะไรมาปิดบัง เช่น ที่พูดว่ามีการขายยางพาราในสต็อกของรัฐบาล ให้ บริษัท ไห่หนาน ไชน่า จำนวน 4 แสนตันไปนานแล้ว จนถึงวันนี้มีการส่งมอบยางไปแล้วจำนวนเท่าใด หรือที่มีบอกว่า จะขายยางให้ต่างประเทศแถบยุโรปอีก 8 หมื่นตัน ได้ส่งมอบยางพาราไปแล้วเท่าใด หรือเป็นเพียงการสร้างข่าวให้ราคายางทรงตัว เช่นเดียวกับกรณีการนำเข้าน้ำมันปาล์ม ที่มองเพียงมิติเดียวคือ มิติของผู้บริโภคที่ร้องว่าราคาน้ำมันปาล์มแพง จึงแก้ปัญหาง่ายๆ โดยการนำเข้าเพื่อให้ผู้ผลิตมาบรรจุขวดขาย แต่ละเลยในมิติของเกษตรกรผู้ผลิต หากการนำเข้าครั้งนี้มีผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันปาล์มตกต่ำลงจากที่เป็นอยู่ 5.60 บาทต่อกิโลกรัม ถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
“ผมขอคัดค้านการนำเข้าน้ำมันปาล์มครั้งนี้ โดยขอให้รัฐบาลทบทวนว่า อย่าสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องเพิ่มขึ้นอีกเลย มิฉะนั้นประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบปากท้องค่าครองชีพไม่มีเงิน ใครก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ขอให้ลงมาปัญหาข้อเท็จจริงของเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ” นายถาวร กล่าว
วานนี้ (19 ม.ค.) นายวิศาล จันทร์ทิพย์ ผู้จัดการชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางรัฐบาลได้มีนโยบายนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ ส่งผลทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันภายในประเทศตกต่ำลงทันที จากราคากิโลกรัมละ 6.00 บาท ลดลงเหลือกิโลกรัมละ 5.80 บาท ลดลงทันที 20 สตางค์ และมีแนวโน้มว่าราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันจะลดลงไปอีก คาดว่าลดลงต่ำกว่าราคากิโลกรัมละ 5 บาท ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน โดยเฉพาะชาวสวนปาล์มน้ำมันจังหวัดกระบี่ เพราะมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ รวมกว่า 1 ล้านไร่
นายวิศาล กล่าวอีกว่า สำหรับปัจจัยที่ทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำลงในช่วงนี้เป็นผลมาจากนโยบายน้ำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ 50,000 ตันของรัฐบาล และในช่วงเดือนมีนาคมเป็นต้นไปก็จะเป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรออกมากก็เชื่อว่าจะทำให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันของเกษตรกรยิ่งตกต่ำลงไปอีก จึงอยากขอร้องให้ทางรัฐบาลเร่งหาวิธีการที่ยับยั้งไม่ให้ราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำลงไปอีก โดยให้รัฐบาลมีการประกันราคาไว้ที่กิโลกรัมละ 5 บาท หากว่าราคาผลผลิตปาล์มมีแนวโน้มตกต่ำกว่า 5 บาท
สำหรับทางออกอย่างเร่งด่วนก็คืออยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยจัดการตัวเลขน้ำมันที่มีอยู่ในสต๊อกให้ชัดเจน เพราะเมื่อประมาณเดือน พ.ค.57 ทราบว่าจำนวนน้ำมันในสต๊อกมีประมาณ 3 แสนตัน แต่เมื่อประมาณต้นเดือน ม.ค.58 พบว่าน้ำมันในสต๊อกเหลืออยู่เพียง 7 หมื่นตัน ซึ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวเลขของน้ำมันในสต๊อก ที่พบว่าลดลงอย่างรวดเร็ว รัฐบาลต้องออกมาชี้แจงให้ได้ว่าน้ำมันที่หายไปอยู่ตรงไหน
"จึงขอฝากไปยังรัฐบาลช่วยหาตัวเลขที่แน่ชัดของน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ในสต๊อกให้ชัดเจน และยกเลิกการนำเข้า ก็เชื่อว่าจะทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง และในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ทางตัวแทนชาวสวนปาล์มน้ำมันก็จะมีการพูดคุยหารือกัน และจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอให้แก่ทางรัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป"