xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับตานำเข้าน้ำมันปาล์ม เกมวิน-วินของคนบิ๊กๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ในที่สุด ครม.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม เมื่อวันที่ 20 มกราคม ได้ตัดสินใจอนุมัตินำเข้าน้ำมันปาล์มดิบในปริมาณ 50,000 ตัน โดยให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้ดำเนินการ

โดย ครม.อนุมัติตามที่คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ซึ่งมี "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งเป็นประธาน ชงเรื่องเข้าครม.ด้วยตัวเอง หลังเคาะมติ“บอร์ดปาล์ม”เมื่อไม่กี่วันก่อน

ซึ่งตามมติของ ครม.แล้ว จะเริ่มดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ ใช้งบประมาณรวมทั้งหมด 1,500 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาปริมาณน้ำมันปาล์มตึงตัว เพราะผลผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ำ เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้ง และหมด อยู่ในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว

ที่สำคัญคือ รัฐบาลต้องการเก็บสต๊อกน้ำมันปาล์ม ให้อยู่ในระยะปลอดภัย หรือที่เรียกกันว่า “เซฟตี้สต๊อก” ซึ่งกำหนดกันไว้ที่ 200,000 ตัน จึงทำให้จำเป็นที่จะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาผลผลิตตกต่ำ และเพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยอยู่ในภาวะขาดแคลนน้ำมันปาล์ม เฉกเช่นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ตรงกันข้ามกับภาคเกษตรกร ที่ออกมาคัดค้านการนำเข้าสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะหากรัฐบาลตัดสินใจนำเข้าจากต่างประเทศ ย่อมส่งผลกระทบทำให้ราคาปาล์มน้ำมันที่ขายกันในประเทศปรับตัวลงทันที 

เพราะแค่ฝ่ายรัฐขยับ ราคาปาล์มในประเทศก็ร่วงไป 0.40 บาทต่อกิโลกรัม จากราคาขายที่ 5 บาทเศษต่อกิโลกรัม

ทันทีที่รู้ข่าว ตัวแทนชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าเป็น“พี่น้องชาวปักษ์ใต้”ก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสื่อคัดค้านการนำเข้าถึง “บิ๊กตู่”ในช่วงบ่าย วันอังคารที่ 20 มกราคม ในขณะที่ ครม.กำลังจะพิจารณาเรื่องนี้อยู่ ไม่ทันที่หนังสือของชาวสวนปาล์มจะถึงมือ“บิ๊กตู่”ก็มีมติ ครม.สวนโป้งออกมาทันควัน

ชาวสวนปาล์มเรียกร้องว่า “ต้องการให้รัฐบาลทบทวนการนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศไปก่อนอีก 2 สัปดาห์ เพราะต้องการให้ปาล์มน้ำมันที่เริ่มมีผลผลิตออกมาขายภายในประเทศ ได้ขายออกไปก่อน ไม่เช่นนั้นจะได้ราคาที่ไม่คุ้มทุน” 

แปลง่ายๆว่า จะนำเข้าก็ได้ แต่ขอให้ชะลอไปสักนิด เพื่อที่จะได้ขายผลผลิตปาล์มน้ำมันให้หมดกันก่อน เพราะอยู่ในช่วงปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยวแล้ว

อย่าลืมว่าราคา“ปาล์มน้ำมัน”ในยุครัฐบาลที่แล้ว ทำให้ชาวสวนปาล์มน้ำตานองหน้ากันเป็นทิวแถว เพราะราคาร่วงลงต่ำกว่า กิโลกรัมละ 3 บาท ขาดทุนย่อยยับไม่แพ้ผลผลิตการเกษตรประเภทอื่น และราคาก็เพิ่งมากระเตื้อง แตะระดับกิโลกรัมละ 5-6 บาท เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมานี่เอง

เหตุไฉน “รัฐบาลบิ๊กตู่”ถึงกล้าหักอก “คนปักษ์ใต้”ที่เคยเทหัวใจให้เต็มๆ ด้วยการนำเข้าปาล์มน้ำมัน ชนิดไม่มีใครคาดถึง เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่าอย่างน้อยๆ “หลวงลุงสุเทพ”ที่เคยร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จะช่วยพูดคุยกับ“บิ๊กป้อม”มิตรสหายตลอดกาลได้

แต่เมื่อเหตุการณ์กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ “คนใต้”ย่อมไม่พอใจกับหมากเกมการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของ“หัวขบวนรัฐบาล”และเชื่อว่า “หัวขบวน กปปส.” ซึ่งยึดหัวหาดคุมธุรกิจแทบทุกตารางนิ้วของด้ามขวานทอง ต้องมีเอี่ยวด้วยอย่างแน่นอน

ตามกระแสข่าวที่หลุดออกมา ทั้งวงนอก-วงใน งานนี้มี“แป๊ะ”บางคนแอบ“เจี๊ยะ” แต่จะกินหมู่-กินเดียว ต้องรอตรวจสอบ หรือขบวนการแฉให้หลุดออกมาอีกครั้ง จึงฟันธงได้แน่นอนว่า มีคนได้เสียกับการนำเข้าปาล์มน้ำมันครั้งนี้

คนแรกที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย หนีไม่พ้น“บิ๊กป้อม”ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่เป็นผู้นำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุม ครม.ด้วยตัวเอง และเป็นคนแจกแจงรายละเอียด ถี่ยิบในที่ประชุมครม.ด้วย

เรียกได้ว่างานนี้ “พี่ป้อม”ลงทุนหว่านล้อม“บรรดา รมต.หัวแข็ง”รวมทั้งหวานล้อม “น้องตู่”ที่เคยผิดใจกันกลางวงครม.ให้เคลิ้มคล้อยตามได้ไม่ยาก
           
            อดแปลกใจไม่ได้ว่า เหตุใดบรรดา ลุงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน-ลูกบ้าน ของ กปปส. จึงไม่คิดขยับตัวมาปกป้องฐานเสียงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้ต้องสู้กับรัฐบาลเพียงลำพัง นอกเสียจากข้อสังเกตที่บอกว่า“บิ๊กป้อม”รู้กันกับ“บิ๊กบราเธอร์ กปปส.”

มีก็แต่เพียง“ถาวร เสนเนียม”แกนนำ กปปส. ที่ออกโรงมาตวาดรัฐบาล ว่าคิดสั้น ทำให้เกษตรกรเดือดร้อน แต่ก็ออกมาแบบผิดคิว รอจนฝ่ายรัฐลงมติปิดกล่องแล้ว ถึงออกมาพูด

จะว่าไปแล้วเรื่อง“ปาล์มน้ำมัน” มีความอ่อนไหวมาก ต่อฐานเสียงของ กปปส. และพรรคประชาธิปัตย์ ลำพัง“บิ๊กป้อม”คงไม่กล้าเดินเกมแรงขนาดนี้ ยิ่งราคายางพารายังตกต่ำแบบโงหัวไม่ขึ้น ยังมากระทืบซ้ำไปที่“ปาล์มน้ำมัน”พืชเศรษฐกิจสำคัญอีกตัวของภาคใต้ไปอีก

หากไม่ส่งซิกไปถึง“บิ๊ก กปปส.”ก่อน มีหวังรัฐบาลโดนถล่มเละเป็นโจ๊กกว่านี้แน่  

และเมื่อคำนวณดูสูตร “ได้-เสีย”แล้ว พอเห็นภาพทันทีว่า งานนี้บรรดาบิ๊กๆ ไม่มีใครเสีย มีแต่ได้กับได้ วิน-วินกันถ้วนหน้า ที่สำคัญวินกันหลายเด้งเสียด้วย

เด้งแรก ต้องจับตามองไปที่“เงินทอน-ส่วนต่าง”ของงบประมาณ 1,500 ล้านบาท ที่รัฐบาลอนุมัติไป ว่าจะเล็ดลอดไปถึงมือบิ๊กคนไหน หรือไม่ และที่สำคัญงบประมาณระดับพันล้าน มีหรือที่ “นักธุรกิจการเมือง”จากแดนใต้ จะไม่รู้ช่องทางทำกำไร

เอาง่ายๆ น้ำมันปาล์มที่นำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ต่างจากราคาในประเทศอยู่ราว 4-5 บาท ส่วนต่างตรงนี้ จะตกหล่นไปอยู่ในมือใคร คงต้องคิดกันเอาเอง

หากจำกันได้ ครั้งหนึ่ง“หลวงลุงสุเทพ”เมื่อสมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรี ใน“รัฐบาลอภิสิทธิ์”ก็เคยนั่งเป็นประธานบอร์ดปาล์มน้ำมัน และเป็นช่วงที่ “น้ำมันปาล์ม”ขาดแคลนหนัก จนราคาทะยานพุ่งสูงจนปั่นป่วนกันทั้งประเทศมาแล้ว 

ว่ากันว่า“ปฏิบัติการปล้นถึงในครัว”คราวนั้น ก็เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ่ายการเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 อย่างราบคาบ จนเราได้ผู้นำประเทศที่ชื่อ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”นั่นเอง

แค่เด้งแรก คนมีอำนาจกับคนคุมตลาดปาล์ม คงยิ้มแฉ่ง รับกันจนกระเป๋าตุง

ส่วนเด้งสอง การที่รัฐบาลรับปาก และประกันว่าราคา“ปาล์มน้ำมัน”จะไม่ลดลงกว่า 5 บาท ต่อกิโลกรัมนั้น และหากราคาลดลงจริง รัฐก็ต้องควักกระเป๋าชดเชยส่วนนี้ให้แก่เกษตร ก็เพื่อให้ป้องกันไม่กระทบกระเทือนต่อฐานเสียง-ฐานมวลชนของ กปปส. นั่นเอง 

สะท้อนให้เห็นว่า หมากเกมการตลาดได้ถูกวางไว้หมดแล้ว ไฟเขียวผ่านตลอด ทั้งผู้มีอำนาจ-แกนนำมวลชน


พระสุเทพ ปภากโร
กำลังโหลดความคิดเห็น