xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” เมินต่างชาติมองใช้มาตรา 44 อำนาจเบ็ดเสร็จ ลั่นถ้าไม่ใช่คนไทยไม่ต้องมายุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี (ภาพจากแฟ้ม)
นายกฯ กลับจากสิงคโปร์ แจงต้องทำโซนนิงแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ ตั้งโรงงานผลิตไบโอดีเซล ลดพื้นที่ปลูกยาง เผยถามมาเลเซียแล้วหันไปปลูกปาล์มน้ำมัน ส่วนอินโดนีเซียเน้นนำเข้า - ส่งออกสมดุล ถามกลับ “ยิ่งลักษณ์” แก้ค้ามนุษย์อะไรบ้าง ไล่ กสม. ทำชาติสงบค่อยแนะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เมินต่างชาติมองใช้มาตรา 44 เป็นอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ บอกทำเพื่อคนไทย

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ท่าอากาศยานขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 20.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางกลับจากการร่วมรัฐพิธีเคารพศพนายลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ตนไปมาเลเซีย ก่อนเครื่องบินลง ตนก็มองสวนยาง สวนปาล์ม ก่อนจะให้ทูตไปถามรายละเอียดข้อมูลว่า เหตุใดมาเลเซียจึงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งได้รับคำตอบมาว่า มาเลเซียได้เปลี่ยนวิธีปลูกยางมาเป็นปลูกปาล์มมาเป็น 20 ปีแล้ว เพื่อใช้ประโยชน์ได้มากกว่า และประเทศเรามีการลดได้บ้างหรือไม่ รัฐบาลอะไรก็แล้วแต่เคยทำได้หรือไม่ ก็ต้องอุดหนุนกันไปเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้ และปล่อยให้มีการปลูกยางในพื้นที่อุทยาน ฉะนั้น ราคายางก็ไม่มีทางดีขึ้นมาได้ เราจึงต้องโซนนิง ตนบอกให้ทำให้ได้ในสมัยตน มีเวลาเท่าไหร่ก็เท่านั้น อยากให้คุณสมจิตร (นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7) ฟังบ้าง ไม่ต้องมาเป็นตัวแทนอะไรกับเรา เราไม่โมโหคุณหรอกวันนี้ เพราะอยากทำใจให้สงบหลังจากไปร่วมพิธีศพนายลี กวน ยู มา

นอกจากนี้ ตนได้ถามทางประเทศอินโดนีเซีย ว่า มีปัญหาเรื่องยางและเศรษฐกิจหรือไม่ ได้รับคำตอบมาว่ามีเหมือนกันแต่ไม่มาก เพราะการนำเข้าและส่งออกของเขาสมดุลกัน ส่วนเรื่องยางได้มีการผลิตเพื่อใช้ในประเทศก่อนส่งต่างประเทศ ตนอยากถามกลับว่าแล้วประเทศไทยทำอะไร ก็ขายวัตถุดิบทั้งสิ้น ส่วนใหญ่ผลิตในประเทศไม่ถึงร้อยละ 10 ซึ่งตนกำลังตั้งโรงงานผลิตอยู่ เพื่อลดพื้นที่การปลูกยาง ไปปลูกปาล์มน้ำมัน เพื่อเตรียมทำไบโอดีเซล เพื่อให้ราคายางดีขึ้น ซึ่งตั้งแต่สมัยเราเรียนหนังสือ การส่งออกของเรานั้นมีข้าว ยาง ไม้สัก สมัยนี้ก็ยังต้องเป็นอย่างนั้น เลยต้องปรับเปลี่ยนใหม่โดยเราดูตัวอย่างประเทศสิงคโปร์ ทำไมคนอย่างนายลี กวน ยู ถึงเป็นวีรบุรุษ ซึ่งไม่ได้แปลว่าตนอยากจะเป็น แต่เอาข้อเรียนรู้ของเขามา ทำไมเขาถึงเป็นตำนาน สมัยที่เขาลำบากยากแค้น ไม่มีความเจริญเท่านี้ ประชาชนเขาถูกห้ามนู่นห้ามนี่ จนถึงวันนี้ 30 ปี 50 ปี วันนี้เขามีอะไรไม่รู้เท่าไหร่ ซึ่งผ่านความลำบากยากเข็ญ แต่พวกเราสบาย ยังสบายมากกว่านี้อีก ไม่ต้องมีกฎหมาย ไม่ต้องมีอะไรทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่บังคับใช้ไม่ได้ วางแผนอะไรไม่ได้เลย เพราะมีคนมุ่งหวังทางการเมืองส่วนหนึ่งอยากให้ไปคิดดู ถ้าจะมีลูกมีหลานในวันหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีเปรียบว่าระบบสิงคโปร์เหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดอย่างนั้นว่าต้องใช้ระบบสิงคโปร์ แต่เอาตัวอย่างที่ดีมา อย่ามาถามแบบนี้อีก ตนเคยพูดหลายครั้งแล้ว พอได้แล้ว

ในตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงรายงานการค้ามนุษย์สมัยเป็นรัฐบาลไม่ได้ทำให้ประเทศไทยถูกลดอันดับไปอยู่ในกลุ่มที่ 3 ว่า แก้ด้วยอะไรให้บอกมาสิ มีอะไรบ้าง ถามว่ากฎหมายค้ามนุษย์มีหรือไม่ เพราะขณะนี้เพิ่งจะออกมาโดยรัฐบาลนี้ที่ออก พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ แก้ปัญหาโดยการจดทะเบียนเรือ 6 - 7 หมื่นลำ เพิ่มจากขึ้นจากเดิม 3 หมื่นลำ มีการจดทะเบียนแรงงานทาส แรงงานเถื่อน ซึ่งทำก่อนหน้ารัฐบาลที่แล้ว รวมถึงการดูแลเหยื่อที่ติดคุกอยู่ในต่างประเทศแล้วนำกลับมา ถามว่าใครเป็นคนทำ รัฐบาลนี้ทำทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ได้โฆษณา ระมัดระวังไม่พูดอะไรที่เกินเลยไป เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง เราเก็บทุกเม็ดมาทำอยู่ ไม่อยากโทษว่าใครทำ แต่เมื่อถามอย่างนี้ต้องตอบแบบนี้ ยืนยันว่าแก้ทุกอัน แต่จะเสร็จหรือไม่เสร็จตนไม่ทราบ แต่มีความก้าวหน้าที่ดีขึ้น

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ให้กลับไปอ่านรายงานของเขา ตนอ่านทุกอัน 2 - 3 แผ่น หรือมีกี่แผ่นก็ไม่รู้ แต่ทางสหรัฐอเมริกาไม่ได้อ่าน หรืออ่านแล้วเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น รัฐบาลนี้ทำไปเพิ่มอีกเป็นปึก สหรัฐฯ ยังตอบกลับมาว่าไม่ทันการณ์ ไม่ทันเวลา ขณะนี้ต้องเตรียมการว่าจะร่วมมือกับใครบ้าง เพื่อจะได้ไม่ถูกจับกุม จึงต้องบังคับให้มีการจดทะเบียนเรืออย่างถูกต้อง ดูเรือไม่ให้ชื่อซ้ำกัน สิ่งเหล่านี้ถามว่ากฎหมายปกติทำได้หรือไม่ ที่ทำได้เพราะมีกฎหมายพิเศษ ถ้าทหารไม่มีกฎหมายก็ไปช่วยไม่ได้ ทหารก็กลับบ้านไป เขาก็เหนื่อยและตนก็เครียดพอสมควร แต่ไม่เป็นไร ทนได้ ไม่โกรธใคร

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีรัฐธรรมนูญใหม่ออก นายกฯ จะรับตำแหน่งอะไรในองค์กรใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนว่า ให้แก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ได้ก่อน แล้วจึงจะคุยในสัปดาห์หน้า ไม่ต้องกังวลหรอก ไม่ต้องห่วง ถ้าอยากให้ประเทศชาติดีขึ้น อยากให้ประเทศชาติปลอดภัย ทัดเทียมกับประเทศอื่น ไม่ใช่อยู่อย่างนี้ อยู่ที่ประชาชนทั้งประเทศจะเอาอย่างไร ถึงเวลาตนอาจจะถามก็ได้ว่าประชาชนต้องการอะไร เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องทำประชามติใช่หรือไม่ เรื่องทำรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประชามติมันก็มีประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญแล้วไง

ในตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิกกฎอัยการศึก ใช้มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ว่า ยกเลิกเมื่อไรก็เมื่อนั้น เมื่อถามว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แนะรัฐบาลใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง นายกฯ กล่าวว่า ก็ไปบอก กสม. ให้มาดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย แค่เรียบร้อยยังทำไม่ได้เลย ที่ผ่านมาใช้ทั้ง พ.ร.บ. ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้วทำได้ไหม มันถึงต้องมีวันนี้ เมื่อถามว่า ปัจจัยที่ตัดสินใจใช้มาตรา 44 ทำอะไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่ทำอย่างไรให้สถานการณ์เรียบร้อยที่สุด

เมื่อถามว่า คิดว่ามาตรา 44 ช่วยทำให้สถานการณ์เรียบร้อยได้มากกว่าใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ทุกอย่างที่จะทำให้เรียบร้อย เมื่อถามว่า กฎอัยการศึกเป็นกฎหมายความมั่นคงปกติ แต่มาตรา 44 ถูกมองว่าเป็นการใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ จะทำให้ถูกกดดันต่างชาติหรือไม่ นายกฯ ตอบว่าตนเอาคนในประเทศเป็นหลัก วันนี้คนในประเทศลำบากยากเข็ญพอสมควรแล้ว อย่าเอาใครมารบกับเราอีกเลย รับผิดชอบกันบ้าง เอาเรื่องนี้ที่มีสาระกว่านี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของตน

เมื่อถามว่าจะยกเลิกกฎอัยการศึกก่อนสงกรานต์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ตอบยังจะมาถามอีก พร้อมกับย้อนถามสื่อว่า “มีกฎอัยการศึกแล้วยังไง เดือดร้อนอะไร มีใครไปจับคุณติดคุก คุณก็ว่าผมโครมๆ แล้วมีใครทำอะไรคุณไหม” เมื่อถามว่า ไม่ใช่ประชาชนกดดัน แต่นานาชาติกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามกลับว่า “ถามว่านานาชาติไหน วันนี้เจออดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ อดีตนายกฯ ญี่ปุ่น อดีตนายกฯ เกาหลีใต้ แสดงความยินดีประเทศไทยสงบสุข ไม่เห็นติสักคน แต่ก็มีบางคนของเราที่เอาอะไรไปให้เขาว่า ต้องทำอย่างโน้น อย่างนี้ ทำไมต้องให้เขาบังคับเราด้วยเหล่า และทำตามที่เขาบังคับ ท่านจะทำตามกติกาเขาได้หรือไม่”

เมื่อถามว่า ถ้าไม่ถูกกดดัน ทำไมถึงเปลี่ยน นายกฯ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้เปลี่ยน แต่มาถามทุกวันว่าจะเปลี่ยนไหม ตนก็จะเปลี่ยนให้ก็แค่นั้น ถามแล้วตนเปลี่ยนยัง มันก็ยัง ตนไม่กลัวใคร ทำไมต้องกลัว ตนทำเพื่อคนไทย ถ้าคุณไม่ใช่คนไทย ไม่ต้องมายุ่งกับผม ใครเป็นคนไทยยกมือสิ

จากนั้น นายกฯ ได้เดินกลับ โดยก่อนก้าวขึ้นรถได้หันมาพูดว่า นักข่าวคนไหนที่ถามเรื่องกฎอัยการศึก ผู้หญิง 1 คนผู้ชาย 1 คน เดี๋ยว คสช. ไปดูว่าเขาเดือดร้อนไหมจากกฎอัยการศึก
กำลังโหลดความคิดเห็น