“ประยุทธ์” ประชุมผู้ค้าข้าวโลก แนะแสวงความร่วมมือเพื่อนบ้านและต่างชาติให้ข้าวมีความสำคัญต่อโลก ชี้มุมมองยุทธศาสตร์พัฒนา 3 ประเด็น ยันต้องส่งเสริมองค์กรชาวนาให้เข้มแข็ง ไม่บิดเบือนตลาด คุมคุณภาพเข้มงวด เผยสั่งพาณิชย์ตรวจโรงสี ที่ไหนไร้คุณภาพเจอปิด ใช้สหกรณ์ทำแทน เน้นพัฒนาข้าวไทยให้ยั่งยืน แนะเศรษฐีอย่ารวยคนเดียว ยันเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ใช่เขตอุตสาหกรรม จวกพวกต้านไม่ฟัง ขอเกษตรกรรวมตัวร่วมมือกัน
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ อิมแพค เมืองทองธานี เมื่อเวลา 09.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานการประชุมผู้ค้าข้าวโลก “Thailand Rice Convention 2015” พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ด้านการตลาดข้าวและนโยบายการค้าข้าวของไทย” โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องแสวงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและต่างประเทศทั้งหมดในการที่จะทำให้ข้าวมีความสำคัญต่อโลกใบนี้ เพราะข้าวคืออาหาร พลังงาน สันติภาพ เพราะทุกประเทศต้องการสันติภาพ และสันติภาพอย่างยั่งยืนคือการที่ร่วมกันดูแลมนุษยชาติทุกประชาคมโลกมากกว่าที่จะสร้างความขัดแย้ง หรือระงับความขัดแย้งที่ไม่เป็นไปอย่างสันติวิธี ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเดินไปข้างหน้าโดยเฉพาะประเทศไทย และได้มีการหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมร่วมมือกันทุกระดับทุกมิติเพื่อทำให้อาเซียนเดินหน้าไปด้วยความสง่างาม
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนการพัฒนาข้าวไทยให้มีความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มุมมองในเชิงยุทธศาสตร์ของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้าว 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การค้าข้าวในตลาดโลกและบทบาทของประเทศไทย ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาตลาดข้าวได้ขยายอย่างต่อเนื่องไปสู่ทุกภูมิภาคของโลก ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียเหมือนในอดีต เศรษฐกิจของประเทศไทยขับเคลื่อนโดยภาคการค้าระหว่างประเทศที่มีสัดส่วนมูลค่ากว่าร้อยละ 70 ของผลผลิตมวลรวมทั้งประเทศ การส่งออกข้าวซึ่งเป็นผลผลิตหลักของประเทศไทยจึงเป็นส่วนหนึ่งของรายได้ประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2014 ที่ผ่านมา ประเทศไทยสามารถส่งออกข้าวได้มากที่สุดในโลก ปริมาณ 10.97 ล้านตัน เป็นมูลค่าสูงถึง 5,439 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปัจจุบัน กลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวรวมทั้งประเทศไทย จะต้องเผชิญกับความผันผวนและภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาแต่ไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะผลิตและส่งออกข้าวคุณภาพเยี่ยมให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลกซึ่งในปี 2015 นี้
นายกฯ กล่าวอีกว่า 2. แนวโน้มและโครงสร้างอุปสงค์และอุปทานข้าวไทย 3. แผนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาข้าวไทย เนื่องจากการผลิตและการค้าขายข้าวจะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ที่สะท้อนในความไม่แน่นอนของตลาดค้าข้าวทั้งระดับโลกและภายในประเทศ และ แนวโน้มการแข่งขันที่สูงขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไทยจะต้องส่งเสริมให้องค์กรชาวนามีความเข้มแข็ง รวมทั้งมีระบบการค้าที่เป็นธรรมไม่บิดเบือนตลาด การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ข้าวนั้นจะดำเนินการใน 7 ด้านหลัก คือ 1. แผนการพัฒนาข้าวที่ยั่งยืนและมีเสถียรภาพ 2. การสร้างความเป็นธรรมในระบบการค้าข้าว โดยรัฐบาลจะดูแลการค้าข้าวให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมตามกลไกตลาด 3. การส่งเสริมและผลักดันการใช้มาตรฐานการผลิตและการค้าให้ได้มาตรฐานสากล
“รัฐบาลจะจัดให้มีระบบการควบคุมตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน ผลักดันให้ผู้ประกอบการโรงสีปรับปรุงการสีแปรสภาพให้ได้ตามมาตรฐานจีเอ็มพีจัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบ และรับรองคุณภาพมาตรฐานเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และปรับปรุงกฎกติกาการส่งออกข้าวป้องกันการปลอมปน 4. การพัฒนาศักยภาพระบบการค้าข้าวและการตลาด ไทยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการส่งออกข้าวที่สามารถตอบสนองความต้องการของทุกระดับ” นายกฯ กล่าวถึงการปรับแผนยุทธศาสตร์การค้าแบบโรงสี
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ ออกตรวจสอบโรงสีทั่วประเทศ ว่ามีคุณภาพจริงหรือไม่ เพราะทุกปีรัฐต้องใช้เงินจ้างโรงสีดูแลสต็อกข้าววงเงินเป็นหมื่นล้านบาท ดังนั้นหากพบว่า โรงสีใดไม่มีคุณภาพก็ต้องถูกปิด จากนั้นรัฐจะจ้างโรงสีในระบบของสหกรณ์ที่อาจทำเป็นโรงสีย่อย หรือโรงสีกลาง เข้ามาดูแลแทน ซึ่งการตรวจสอบครั้งนี้ได้มอบเป็นนโยบายให้ทำโดยเร็ว
นายกฯ กล่าวต่อว่าว่า ยุทธศาสตร์พัฒนาข้าวประเด็นที่ 5. การสร้างค่านิยมการบริโภคข้าว โดยสอดแทรกวัฒนธรรมข้าวไทยเข้าไปในทุกๆ กิจกรรม ทั้งการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ 6. การส่งเสริมด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมและการแปรรูปข้าว และ7. การเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ตลอดห่วงโซ่อุปทานรัฐบาลมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคเกษตรกร
“เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและกระจายสินค้าเกษตรของอาเซียนไปสู่ตลาดโลก และยืนยันว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญแก่เกษตรกรและดูแลในการสร้างความเข้มแข็งให้ภาคเกษตรกร ผ่านการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ ความพยายามของรัฐบาลไทยคงไม่ใช่เพียงแค่การคงให้ไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ในด้านปริมาณและมูลค่า แต่ยุทธศาสตร์และนโยบายที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น เป็นความพยายามที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาข้าวไทยทั้งระบบอย่างมั่นคงยั่งยืน ตั้งแต่ระดับฐานราก โดยสร้างความเข้มแข็งให้พี่น้องเกษตรกรชาวนาไทยมีความอยู่ดีกินดี และสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระบบการค้าการตลาดที่เป็นธรรมมีประสิทธิภาพจนถึงระดับสากล” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า โลกในวันข้างหน้านั้นต้องเป็นในลักษณะที่รัฐบาลเป็นผู้อำนาจความสะดวก ร่างกฎหมายคุ้มครองอะไรต่างๆให้ และเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามา แต่ต้องมีการเผื่อแผ่แบ่งปันในห่วงโซ่ของตัวเองด้วย อย่ารวยคนเดียว ให้เป็นไปตามกลไกแข่งขันการตลาด วันนี้เรามีความร่วมมือกันในประเทศนำเข้าและส่งออกมากพอสมควร และวันนี้เรามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ และไม่ใช่เขตอุตสาหกรรมพิเศษ อย่าไปต่อต้าน หลายจังหวัดไม่อยากให้มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพราะอุตสาหกรรมจะลงมา นี่ไม่เข้าใจอีกแล้วตนพูดไม่ค่อยฟัง ซึ่งในนั้นมีทั้งการค้าการบริการ โรงแรม นี่คือภาคหนึ่งในจังหวัดนั้น ฉะนั้นต้องลงทุนให้สอดคล้องกับต้นทุนที่มีตรงนั้น ซึ่งตอนนี้เราไม่มีสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร (gsp) อย่าไปโวยวาย แต่เราต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นประเทศที่เป็นผู้ให้เขาบ้าง ไม่ใช่เป็นผู้รับมาโดยตลอด เราไปขอใครไม่ได้อีกแล้ว เราต้องเข้มแข็งเองถ้าไปทะเลาะกันมันก็ไปไม่ได้
“อยากให้พี่น้องเกษตรกรสบายใจ ว่าเราทำทั้งระบบ วันนี้ผมชื่นชมหลายสหกรณ์ที่เข้มแข็ง แต่ถ้ารวมกันมากู้เงินไปซื้ออะไรที่ไม่เป็นประโยชน์มันก็ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลักของสหกรณ์ รัฐบาลมุ่งเน้นสงเสริมผ่านสหกรณ์ทุกอย่าง ทั้งยาง ข้าว หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งท่านจะต้องรวมตัวกันให้ได้เพื่อร่วมมือ ไม่ใช่เพื่อขัดแย้งกับรัฐบาล กับเจ้าหน้าที่ ไม่ได้ ขอร้องกันเถอะ คนไทยต้องรวมตัวกันเพื่อร่วมมือกันไม่ใช่เพื่อสร้างความขัดแย้ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว