ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ จ่อเซ็น MOA โรงไฟฟ้าถ่านหินมะริด ที่พม่าไม่เกินกลางเดือน มิ.ย.นี้ เปิดช่องดึงพันธมิตรร่วมทุนเพิ่ม เหตุเงินลงทุนสูง แย้มเดือน พ.ค.นี้เล็งเซ็น MOU กับกลุ่ม ปตท.ร่วมทุนโรงไฟฟ้า และคลังแอลเอ็นจีในประเทศเพื่อนบ้าน
นายพงษ์ดิษฐ พจนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้าในพม่าว่า ขณะนี้ทางกระทรวงไฟฟ้าของพม่าอยู่ระหว่างการตรวจร่างบันทึกข้อตกลง (MOA) โครงการลงทุนโรงไฟฟ้ามะริด ขนาดกำลังผลิต 2,640 เมกะวัตต์ คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ไม่เกินกลางเดือน มิ.ย.นี้
โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯ กับพันธมิตรทั้ง 3 ราย คือ บริษัท บลู เอนเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด, Vantage Company Limited (Myanmar) และ Kyaw Kyaw Phyo Company Limited (Myanmar) เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาดขนาดใหญ่ 2,640 เมกะวัตต์ เงินลงทุนรวม 1.7-2 แสนล้านบาท โดยไฟฟ้าส่วนหนึ่งจะส่งในพม่า และจำนวนหนึ่งจะขายกลับมายังประเทศไทย คาดว่าจะผลิตไฟเชิงพาณิชย์ในปี 2563
“ภายหลังจากลงนาม MOA แล้ว บริษัทฯ จะดำเนินการเจรจาเรื่องเงื่อนไขด้านการลงทุนต่างๆ รวมทั้งภาษีต่างๆ และเจรจาหาแหล่งเงินกู้และอัตราดอกเบี้ย โดยได้มีการเจรจาเบื้องต้นกับสถาบันการเงินบ้างแล้ว แต่รอให้โครงการนี้มีความชัดเจนก่อนจึงจะเจรจาในรายละเอียดต่อไป เนื่องจากโครงการนี้เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ ใช้เงินมาก ก็อาจจะหาพันธมิตรร่วมทุนเพิ่มเติม โดยบริษัทจะถือหุ้นใหญ่”
นายพงษ์ดิษฐกล่าวต่อไปว่า ภายในเดือน พ.ค.นี้บริษัทฯ คาดว่าลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับกลุ่ม ปตท. เพื่อร่วมทุนทำโครงการโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ และโครงการคลังแอลเอ็นจี ที่พม่า ซึ่งขณะนี้ได้มีการตรวจร่างบันทึกความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทจะเข้าไปร่วมทุนในโครงการคลังแอลเอ็นจี ที่พม่าของ ปตท. คาดว่าจะใช้เรือคลังก๊าซลอยน้ำ หรือ FSRU (Floating Storage & Regasification Unit) มาเพื่อรองรับแอลเอ็นจี โดยราชบุรีฯ จะถือหุ้น 20-30% โดยโครงการนี้จะทำให้ไทยมีความมั่นคงด้านก๊าซฯ เพียงพอที่จะป้อนโรงไฟฟ้าในฝั่งตะวันตกของไทย หากปริมาณก๊าซฯ ในแหล่งเยตากุนลดลงไป และการจัดหาแหล่งก๊าซฯ ใหม่ในพม่าทำได้ยากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีการลงนามการร่วมลงทุนในระบบสาธารณูปโภคทั้งไฟฟ้า น้ำ และบำบัดน้ำเสียในนิคมฯ Victory Park ของกลุ่ม ปตท. ในประเทศเวียดนาม เพื่อตั้งโรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลเวียดนามแล้ว โดยรายละเอียดการลงทุนดังกล่าวนี้คงต้องรอให้โครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์มีความชัดเจนก่อน
นายพงษ์ดิษฐกล่าวต่อไปว่า บริษัทได้ปรับแผนการลงทุนใหม่ จากเดิมที่จะขยายการลงทุนไปสู่ต้นน้ำและปลายน้ำของธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากมีข้อจำกัดและคู่แข่งมาก ดังนั้นบริษัทฯ พร้อมที่จะเปิดกว้างการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่จะสร้างผลกำไรและการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเฉพาะเชื้อเพลิงหรือระบบส่งเท่านั้น