เอกชนเจ้าของสิทธิสุดทนของปลอมเกลื่อนเมืองเข้าขั้นวิกฤต ยื่นแถลงการณ์ถึง “บิ๊กตู่-คสช.-สปช.” ยื่นมือแก้ปัญหาด่วน ซัดตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศปล่อยปละละเลยจนสถิติละเมิดสูงสุด วอนช่วยขันนอตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงาน ก่อนที่จะสายเกินไปถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีเข้มกว่าเดิม
นางมาลา ตั้งประเสริฐ รองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ภาคเอกชน) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนได้จัดทำแถลงการณ์ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยได้ไปยื่นเรื่องผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาลแล้ว เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง เพราะขณะนี้ปัญหาอยู่ในขั้นอันตรายและเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากมีการละเมิดที่รุนแรง ปราศจากผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้จะยากต่อการเยียวยา
“นับตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศในเดือน ก.ย. 2557 รัฐบาลได้แถลงนโยบายจะให้ความสำคัญต่อการป้องกันการทุจริต สนับสนุนงานสร้างสรรค์และคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา แต่ในทางปฏิบัติกลับสวนทาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ตอบสนองนโยบาย นิ่งเฉยต่อปัญหา ซ้ำยังมีการรู้เห็นเป็นใจ เรียกรับสินบน ตำรวจใส่เกียร์ว่าง กลายเป็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้สนับสนุนการละเมิด นับว่าในสมัยรัฐบาลนี้มีสถิติการละเมิดสูงที่สุด”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาผ่านคณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ และมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ (NICE) ซึ่งการทำงานที่ผ่านมามีกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งรัฐบาลไม่เอาใจใส่ ไม่ติดตามการทำงาน ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่ปราบปรามโดยตรงก็ทำหน้าที่เป็นครั้งคราว จึงไม่สามารถทำให้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาลดลง
นางมาลากล่าวว่า ภาคเอกชนยังได้ยื่นแถลงการณ์ดังกล่าวถึงสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อขอให้มีการปฏิรูป โดยดึงหน้าที่การบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับงานทรัพย์สินทางปัญญาที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกไปสังกัดอยู่กับหน่วยงานราชการอื่นที่มีบุคลากรที่มีความพร้อมและมีความจริงจังในการปฏิบัติงานมากกว่านี้
ขณะเดียวกันยังมีความเป็นห่วงว่า ในเร็วๆ นี้จะมีผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) เข้ามาตรวจสอบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในไทยในพื้นที่สีแดงและสีเหลือง เพื่อประเมินผลการปราบปรามการละเมิดของไทยก่อนที่จะพิจารณาจัดอันดับสถานะประเทศไทยด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยเห็นว่าหากรัฐบาลไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะทำให้ผลการพิจารณาในปีนี้ไทยอาจจะถูกจัดอันดับสถานะประเทศให้สูงขึ้นก็ได้ โดยล่าสุดไทยถูกจัดให้อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (PWL)
“เอกชนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์สั่งการข้าราชการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกวดขันไม่ให้มีการผลิต จำหน่าย หรือนำเข้าสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงขอให้มีการรณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนรู้จักเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และดำเนินการเอาผิดข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ทำการละเมิดอย่างเร่งด่วน” นางมาลากล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการภาคเอกชนเจ้าของสิทธิต่างๆ มีความเป็นห่วงและมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของกระทรวงพาณิชย์ เพราะรัฐมนตรีทั้ง 2 คนในกระทรวงพาณิชย์ไม่ค่อยให้ความสำคัญต่องานด้านนี้ มัวแต่ไปสนใจกับปัญหาด้านอื่นๆ เช่น ค่าครองชีพ การผลักดันการส่งออก ซึ่งก็เข้าใจ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่จริงๆ แล้วงานเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน หากปล่อยปละละเลยจะทำให้ประเทศยิ่งมีปัญหา โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐฯ จะประเมินผลไทยในเดือน เม.ย.นี้