สตช. จับมือกรมทรัพย์สินทางปัญญา วางแนวทางปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ลั่นเดินหน้าเต็มตัวนำร่อง 24 จุด ในพื้นที่สีแดงครอบคลุม 8 จังหวัด งัดกฎหมายฟอกเงินจัดการนายทุนใหญ่
วันนี้ (8 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมด้วย นายสมบูรณ์ เฉยเจริญ ผู้อำนวยการสำนักป้องปราบการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เข้าพบ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อหารือแนวทางการแก้ปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดย พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวว่า ในห้วงระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) มีการดำเนินคดีทรัพย์สินทางปัญญาประมาณ 5,000 คดี ซึ่งตำรวจมีการเดินหน้าปราบปรามอย่างเต็มตัวในพื้นที่สำคัญ โดยเริ่มจากพื้นที่สีแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะมีการละเมิดรุนแรง ครอบคลุม 8 จังหวัด 24 จุด โดยใน กทม. อาทิ ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า คลองถม สะพานเหล็ก บ้านหม้อ มาบุญครอง จตุจักร สยามสแควร์ ถนนวิทยุ ถนนสุขุมวิท และพัฒนพงษ์ จ.ชลบุรี ได้แก่ ไอทีซิตี้พัทยา จ.สระแก้ว ได้แก่ ตลาดโรงเกลือ จ.ภูเก็ต ที่หาดป่าตอง หาดกะรน ขณะที่พื้นที่สีเหลือง เป็นพื้นที่ต้องมีการเฝ้าระวังเหมือนกัน จะมีแนวโน้มที่จะละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในเชิงปริมาณสูงขึ้นอีก และที่สำคัญ ต่างชาติกำลังจับตามอง ทำให้ประเทศเสียชื่อเสียง ซึ่งทางนานาชาติกำลังเพ่งเล็งอยู่
“โดยวันนี้มีการหารือร่วมกับทางกรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อเป็นการเคาะสัญญาณว่าต้องมีการเดินหน้าเต็มตัว และที่สำคัญมีการขยายไปสู่ความเข้มในเรื่องของมาตรการกฎหมายการฟอกเงิน ต้องเอามาเล่นงานพวกนายทุนใหญ่ที่เอากำไรและหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้ประเทศชาติและสังคมเสียหาย โดยเฉพาะผู้บริโภคหรือประชาชนทั้งประเทศเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรืออะไรที่เป็นของปลอมหรือเลียนแบบต่างๆ ที่เป็นพิษเป็นภัย ที่ไม่มีคุณภาพ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเข้มงวดกวดขัน”พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าว
รอง ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า ได้มีการตกลงกับทางกรมทรัพย์สินทางปัญญา ว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการทำงานที่จริงจัง และมีการดำเนินคดีกว่า 9,000 คดี มีผลงานมาตลอด ซึ่งบางครั้งไม่ได้นำเสนอต่อสาธารณชน ก็ยังมีเสียงครหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ โดยในวันนี้ได้มีการชี้แจงกับทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่า ตนเองได้มีการตั้งทีมสืบสวนเข้าไปตรวจสอบว่าตำรวจและเจ้าหน้าที่ของกรมทรัพย์สินทางปัญญาเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หรือไม่ ช่วยกันตรวจสอบว่าทำไม่สิ่งเหล่านี้ปราบปรามยาก ทำให้คนที่ทำมาหากินสุจริตเดือดร้อน เพราะฉะนั้นต้องร่วมมือกัน
ด้าน นางมาลี กล่าวว่า วันนี้มาหารือในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า และลิขสิทธิ์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทั้งสองหน่วยงานมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการดำเนินการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง นอกจากนี้ได้มีการส่งคดีสำคัญที่มีมูลค่าความเสียหายจำนวนมากให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงิน เพราะการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญามีผลต่อการค้าระหว่างประเทศโดยตรง โดยเป็นการทำลายความคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ สร้างสิ่งประดิษฐ์ และเครื่องหมายการค้าใหม่ ซึ่งเราไม่สามารถประเมินได้ และเป็นการทำลายความคิดใหม่ๆ ของคนไทยด้วย ทั้งนี้ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการเก็บภาษีด้วยส่วนหนึ่ง และผู้ประกอบการก็จะเสียโอกาส อย่างไรก็ตาม หากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันบูรณาการ ก็เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ