xs
xsm
sm
md
lg

“พีมาร์ท” โหมป่าล้อมเมือง ทุ่ม 6 พันล้านลุยศูนย์ค้าส่งอาหารแช่แข็ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“ประกร มหากิจโภคิณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด
ASTVผู้จัดการรายวัน - “พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์” วางแผนลงทุน 3 ปีทุ่ม 6 พันล้านบาท เปิดตลาดอาหารแช่แข็งครบวงจรต่างจังหวัด หลังทำยอดขายปีแรกทะลุ 1 พันล้านบาท เน้นกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เล็งพื้นที่ห่างไกลวัตถุดิบอาหารสดในเขตภาคเหนือ-อีสาน วางแผนเปิด 30 ศูนย์ค้าส่ง พร้อมยอดขาย 5 พันล้านบาทในปี 2560 ก่อนขยายตลาดเออีซี

นายประกร มหากิจโภคิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีมาร์ท ซุปเปอร์สโตร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ จดทะเบียนด้วยจำนวนเงิน 500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 57 เพื่อดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหารแช่แข็งและอาหารสดครบวงจร ทั้งเนื้อหมู วัว ไก่ และอาหารทะเลทุกชนิด โดยเริ่มเปิดสาขาแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ จนปัจจุบันมีสาขาเพิ่มที่ จ.ขอนแก่น อุดรธานี อุบลราชธานี สกลนคร และสุรินทร์ โดยมีรายได้ประมาณ 1 พันล้านบาท

บริษัทฯ มีแผนใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 6 พันล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายระยะสั้นว่าภายในกลางปี 2558 จะมีสาขาครบ 10 แห่งในการขยายสาขาเพิ่มที่ จ.เชียงราย หนองคาย บุรีรีมย์ และนครราชสีมา พร้อมทำรายได้เพิ่มขึ้น 100% คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท ส่วนเป้าหมายระยะกลางคือมี 30 สาขา และทำรายได้ 5 พันล้านบาท พร้อมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2560 ก่อนที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะยาวคือขยายตลาดเออีซี เน้นประเทศมาเลเซีย เวียดนาม และลาว เป็นหลัก

“เหตุผลที่บริษัทฯ เน้นขยายสาขาในพื้นที่ภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือเป็นหลัก เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกลจากวัตถุดิบอาหารสดโดยเฉพาะอาหารทะเล ทั้งยังมีความต้องการบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทฯ มีฐานลูกค้าเก่าจากธุรกิจวัตถุดิบอาหารแช่แข็งโดยมีสินค้าครอบคลุมทุกประเภทเป็นจำนวนกว่า 1 พันเอสเคยู ตลอดจนมีระบบการขนส่งด้วยรถบรรทุกคอนเทนเนอร์แช่เย็นกว่า 20 คันซึ่งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ”

การดำเนินงานในเบื้องต้นจะเน้นการสร้างแบรนด์เป็นหลัก จึงเป็นผู้ลงทุน 100% ในการขยายสาขาแต่ละแห่งและยังไม่มีแผนเปิดขายแฟรนไชส์แต่อย่างใด โดยใช้เงินทุนสาขาละประมาณ 200-300 ล้านบาท บนพื้นที่ 2-4 ไร่ (รวมค่าที่ดิน ค่าก่อสร้างหน้าร้าน ห้องเย็น และคลังสินค้า ตลอดจนวัตถุดิบ และรถบรรทุกห้องเย็นขนาดเล็ก สาขาละ 2 คัน) โดยจะพิจารณาการขยายสาขาตามการขยายตัวของโมเดิร์นเทรดชั้นนำเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส ตลอดจนห้างสรรพสินค้าชั้นนำซึ่งมีการศึกษาศักยภาพอย่างละเอียดแล้ว

“บริษัทฯ ยังพิจารณาปัจจัยรองอื่นๆ อีกในการเปิดสาขาใหม่แต่ละแห่ง เช่น เป็นพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งวัตถุดิบอาหาร มีจำนวนประชากรไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนในแต่ละพื้นที่ รวมถึงเป็นจังหวัดที่มีสนามบินและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ครบถ้วน เพราะแสดงให้เห็นถึงโอกาสการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยในบางจังหวัดบริษัทฯ อาจมีการเปิดสาขามากกว่า 1 แห่ง เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น และอุบลราชธานี เป็นต้น”

นายประกรกล่าวด้วยว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ประมาณ 60% เป็นเจ้าของกิจการฟูดเชนและห้องเย็น โดยแต่ละสาขาจะมีลูกค้าสมาชิกประมาณ 1 พันราย มีความถี่ในการซื้อประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยต่อสาขาวันละประมาณ 1 ล้านบาท ส่วนอีก 40% เป็นลูกค้า HoReCa ได้แก่ กลุ่มธุรกิจโรงแรม (Hotel) ภัตตาคาร (Restaurant) และร้านอาหาร (Caterers)

“บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจค้าส่งอาหารแช่แข็ง เนื่องจากยังไม่มีคู่แข่งขันอย่างชัดเจน จึงเตรียมใช้งบประมาณ 10-20 ล้านบาทในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2558 เพื่อสร้างการรับรู้ให้ผู้บริโภคและดำเนินกิจกรรมการตลาดผ่านสื่อหลักทางสิ่งพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ในส่วนกลางเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เน้นสื่อรองในแต่ละพื้นที่ เช่น รถแห่โฆษณา ป้ายผ้า วิทยุชุมชน และอื่นๆ”




กำลังโหลดความคิดเห็น