ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้บริหารร้าน “ซูเปอร์ ดรัก สโตร์ เชน” ชื่อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย โชว์แผนธุรกิจปี 58 ใช้งบฯ 70 ล้านบาทขยายสาขาเพิ่มอีก 20 แห่ง เดินหน้ากลยุทธ์ใหม่เน้นลงทุนสาขาขนาดใหญ่ให้มีลักษณะเป็น One Stop Shopping มากขึ้น หวังเพิ่มความหลากหลายของสินค้าทั่วไปสร้างรายได้ 30% ก่อนขยายสาขาครบ 100 แห่งในปี 59 เพื่อใช้ไทยเป็นฐานเจาะตลาดเออีซี
นางสาวเบญจมาศ ต้องประสิทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัท ซูรูฮะ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านซูเปอร์ ดรัก สโตร์ เชน ภายใต้ชื่อ “ซูรูฮะ” (TSURUHA) จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทฯ เปิดดำเนินงานในประเทศไทยนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกเมื่อประมาณปี 2556 ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 23 แห่ง ล่าสุดเพิ่งเปิดดำเนินงานสาขาที่ 24 ขนาดพื้นที่ 270 ตารางเมตร ด้วยงบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ณ อาคารญาดา (สีลม) ติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ศาลาแดง โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีสาขาทั้งสิ้น 28 แห่งภายในปีงบประมาณ 2557 ณ เดือน มี.ค. 58
ส่วนในปีงบประมาณ 2558 มีแผนเพิ่มสาขาใหม่อีก 20 แห่ง โดยจะเน้นกลยุทธ์เพิ่มสาขาที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ประมาณ 20% แบ่งเป็นสาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ประมาณ 60% ส่วนที่เหลือ 40% จะกระจายไปยังภาคเหนือ ภาคตะวันออก และอื่นๆ ตามความเหมาะสม โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 70 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนสาขาขนาดเล็กที่มีพื้นที่ต่ำกว่า 100 ตารางเมตรภายในอาคารสำนักงานต่างๆ ประมาณ 3-5 ล้านบาท สาขาขนาดกลาง พื้นที่ 100-300 ตารางเมตรภายในห้างสรรพสินค้า ประมาณ 5-10 ล้านบาท และสาขาขนาดใหญ่พื้นที่ 300-1,000 ตารางเมตรขึ้นไปในบริเวณชุมชนต่างๆ ใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทขึ้นไป
“แผนธุรกิจและงบลงทุนในปี 2558 จะเน้นกลยุทธ์การขยายสาขาขนาดใหญ่เป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องกับสาขาในประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1-1.5 พันตารางเมตร นอกจากนั้นยังจะพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทั้งในส่วนของระบบการสั่งซื้อสินค้าให้ตรงตามความต้องการลูกค้าและระบบการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือ CRM ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีสมาชิกเป็นจำนวนมากถึง 2 แสนราย โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนราย”
นางสาวเบญจมาศกล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2557 บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 450 ล้านบาท โดยแต่ละสาขามียอดขายเติบโตขึ้นจากปี 2556 ประมาณ 50-80% โดยแต่ละวันแต่ละสาขามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณ 500-1,000 คน คิดเป็นยอดใช้จ่ายต่อคนต่อบิลต่อสาขาประมาณ 200-600 บาท ส่วนในปี 2558 คาดว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 50% เช่นกัน เนื่องจากมีจำนวนสาขาที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับสัดส่วนรายได้สามารถจำแนกเป็นสินค้ายาและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพประมาณ 35% เครื่องสำอาง 35% ของขบเคี้ยวและของใช้ทั่วไป 30% โดยแต่ละสาขาจะมีสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นในสัดส่วน 25-30% และสินค้าของประเทศไทยในสัดส่วน 70-75% ยกเว้นสาขาล่าสุดซึ่งจะเน้นสินค้านำเข้ามากถึง 35-40% และสินค้าของประเทศไทย 60-65% เนื่องจากต้องการเน้นความหลากหลายของสินค้าเพื่อมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะ
“บริษัทฯ มีแผนที่จะใช้สาขาอาคารญาดาเป็นสาขาต้นแบบในการปรับกลยุทธ์เพื่อพัฒนาสาขาให้มีลักษณะเป็น One Stop Shopping ที่มีสินค้าหลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ครบถ้วนตามความต้องการเป็นจำนวนประมาณ 2 หมื่นเอสเคยูต่อสาขา ขณะที่สาขาขนาดกลางจะมีสินค้าประมาณ 1 หมื่นเอสเคยูเท่านั้น โดยในอนาคตอันใกล้ยังมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าประเภทของใช้ทั่วไปเป็น 30%”
นางสาวเบญจมาศกล่าวในตอนท้ายด้วยว่า บริษัทฯ ใช้งบประมาณ 5% ของรายได้ในเรื่องการวางแผนการตลาดและประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์และใช้เป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารผลิตภัณฑ์ใหม่และโปรโมชันต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถสร้างความรู้จักและจดจำให้ลูกค้ามากขึ้นเพื่อให้สามารถเพิ่มจำนวนสาขาได้ครบ 100 แห่งภายในปี 2559 ตามเป้าหมายก่อนที่จะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนต่อไป
อนึ่ง ตลาดซูเปอร์ ดรัก สโตร์ เชน ในประเทศไทยมีมูลค่ารวมประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าในปี 2557 จะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อเนื่องจนถึงปี 2558 เนื่องจากผู้บริโภคคนไทยมีความใส่ใจในสุขภาพและพยายามหาวิธีป้องกันตนเองไม่ให้เจ็บป่วยมากขึ้น จึงส่งผลให้สินค้าประเภทยาและอาหารเสริมเพื่อสุขภาพมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าประเภทเครื่องสำอาง โดยหันมานิยมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพที่มีราคาไม่สูงมากนัก