ASTVผู้จัดการรายวัน - สาวเสี่ยงสวยเฝ้าระวัง คลินิกความงามผุดปีละ 1,000 แห่ง สวนกระแสแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจบแค่ 30 คนต่อปี คาดเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต ภาครัฐควรเร่งป้องกัน “เคดี้โกรว์ คลินิก” หวังโตแบบยั่งยืนด้วยทีมแพทย์เฉพาะทาง ทุ่มงบ 40 ล้านบาทลุยปี 58 เพิ่มสาขาใหม่อีก 5 สาขา พร้อมแตกไลน์เวชสำอางรับเออีซี มั่นใจปีหน้ารายได้ 70-80 ล้านบาท
นายปรนนท์ ฐิตะวรรณโณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคดี้โกรว์ จำกัด เจ้าของเคดี้โกรว์ คลินิกด้านผิวหนังและความงาม เปิดเผยว่า ธุรกิจคลินิกเสริมความงามมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องทุกปี หรือในตลาดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ และมีเปิดเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่งในแต่ละปี นับว่ามีการขยายตัวมากกว่าคอนวีเนียร์สโตร์ ขณะที่อัตราการปิดให้บริการมีน้อยมาก
ด้านแพทย์หญิง กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคดี้โกรว์ จำกัด กล่าวเสริมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในตลาดมีคลินิกที่ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางเพียง 20-30% เท่านั้น ขณะที่ต่อปีทั่วประเทศมีจำนวนแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงามจบออกมาเพียง 20-30 คนเท่านั้น ถือเป็นจำนวนที่สวนทางกับการเติบโตของคลินิกด้านความงามของไทย
“ปัจจุบันแพทย์ส่วนใหญ่นิยมเปิดให้บริการคลินิกความงามสูงมาก แต่ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางน้อย ส่วนใหญ่จะใช้ความเชี่ยวชาญในการให้บริการมากกว่า ปัญหาและอันตรายของการให้บริการจึงเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ แต่จะเป็นข่าวก็ต่อเมื่อเสียชีวิต ในอนาคตหากภาครัฐไม่เข้ามาควบคุม และกำกับกฎระเบียบในการเปิดให้บริการแล้ว หลังเปิดเออีซีจะมีผู้ใช้บริการจากต่างชาติมากขึ้นอีก จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาหากบริการของไทยไม่ได้มาตรฐาน”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ เคดี้โกรว์ คลินิก หลังเปิดให้บริการมา 2 ปี กับ 1 สาขา ที่ย่านทองหล่อ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ให้บริการใน 4 โปรแกรมหลัก คือ บิวตี้เลเซอร์ เฟเชียล และสลิม ในระดับราคา 50,000 บาทขึ้นไป พบว่ามีลูกค้าตอบรับดีมาก หรือมีสมาชิกกว่า 2,000 ราย แบ่งเป็นไทย 70% และต่างชาติ 30% ได้แก่เวียดนาม พม่า ลาว ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอเมริกา ถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้ 40 ล้านบาท โตขึ้น 40%
นายปรนนท์กล่าวต่อว่า ส่วนปีหน้าบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท สำหรับขยายเคดี้โกรว์ คลินิกเพิ่มอีก 1-2 แห่ง ลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท และซับแบรนด์เคดี้โกรว์ จับกลุ่มลูกค้าระดับแมส ค่าบริการประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป โดยเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรอีก 3 สาขา ใช้เงินลงทุนรวม 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางด้วย รวม 6 รายการในปีหน้า เริ่มจาก 2 ผลิตภัณฑ์ที่เริ่มเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ คือ เซรัมบำรุงผิว ราคา 2,680 บาท และกันแดด 1,280 บาท จำหน่ายทางร้านขายยา เชนโลคัลแบรนด์, โซเชียลเน็ตเวิร์ก, คลินิกพาร์ตเนอร์ และจำหน่ายไปยังต่างประเทศ คาดว่าในปีหน้าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 70-80 ล้านบาท แบ่งเป็น ให้บริการในคลินิก 60 ล้านบาท และเวชสำอาง 20 ล้านบาท
“แผนการลงทุนในอนาคต จะเน้นการลงทุนแบบยั่งยืน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม ส่วนเวชสำอางจะเป็นการพัฒนาขึ้นมาด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ใช้ได้ผลจริง และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในวงกว้างรับตลาดเออีซี ดังนั้น รายได้จากกลุ่มเวชสำอางจะเป็นรายได้หลักภายใน 2 ปีหลังจากนี้” นายปรนนท์กล่าวสรุป
นายปรนนท์ ฐิตะวรรณโณ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เคดี้โกรว์ จำกัด เจ้าของเคดี้โกรว์ คลินิกด้านผิวหนังและความงาม เปิดเผยว่า ธุรกิจคลินิกเสริมความงามมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 2 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องทุกปี หรือในตลาดน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ และมีเปิดเพิ่มไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่งในแต่ละปี นับว่ามีการขยายตัวมากกว่าคอนวีเนียร์สโตร์ ขณะที่อัตราการปิดให้บริการมีน้อยมาก
ด้านแพทย์หญิง กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคดี้โกรว์ จำกัด กล่าวเสริมว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าในตลาดมีคลินิกที่ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางเพียง 20-30% เท่านั้น ขณะที่ต่อปีทั่วประเทศมีจำนวนแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงามจบออกมาเพียง 20-30 คนเท่านั้น ถือเป็นจำนวนที่สวนทางกับการเติบโตของคลินิกด้านความงามของไทย
“ปัจจุบันแพทย์ส่วนใหญ่นิยมเปิดให้บริการคลินิกความงามสูงมาก แต่ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางน้อย ส่วนใหญ่จะใช้ความเชี่ยวชาญในการให้บริการมากกว่า ปัญหาและอันตรายของการให้บริการจึงเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ แต่จะเป็นข่าวก็ต่อเมื่อเสียชีวิต ในอนาคตหากภาครัฐไม่เข้ามาควบคุม และกำกับกฎระเบียบในการเปิดให้บริการแล้ว หลังเปิดเออีซีจะมีผู้ใช้บริการจากต่างชาติมากขึ้นอีก จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามมาหากบริการของไทยไม่ได้มาตรฐาน”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ เคดี้โกรว์ คลินิก หลังเปิดให้บริการมา 2 ปี กับ 1 สาขา ที่ย่านทองหล่อ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับพรีเมียม ให้บริการใน 4 โปรแกรมหลัก คือ บิวตี้เลเซอร์ เฟเชียล และสลิม ในระดับราคา 50,000 บาทขึ้นไป พบว่ามีลูกค้าตอบรับดีมาก หรือมีสมาชิกกว่า 2,000 ราย แบ่งเป็นไทย 70% และต่างชาติ 30% ได้แก่เวียดนาม พม่า ลาว ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และอเมริกา ถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีรายได้ 40 ล้านบาท โตขึ้น 40%
นายปรนนท์กล่าวต่อว่า ส่วนปีหน้าบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท สำหรับขยายเคดี้โกรว์ คลินิกเพิ่มอีก 1-2 แห่ง ลงทุนสาขาละ 20 ล้านบาท และซับแบรนด์เคดี้โกรว์ จับกลุ่มลูกค้าระดับแมส ค่าบริการประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป โดยเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรอีก 3 สาขา ใช้เงินลงทุนรวม 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางด้วย รวม 6 รายการในปีหน้า เริ่มจาก 2 ผลิตภัณฑ์ที่เริ่มเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ คือ เซรัมบำรุงผิว ราคา 2,680 บาท และกันแดด 1,280 บาท จำหน่ายทางร้านขายยา เชนโลคัลแบรนด์, โซเชียลเน็ตเวิร์ก, คลินิกพาร์ตเนอร์ และจำหน่ายไปยังต่างประเทศ คาดว่าในปีหน้าจะมีรายได้รวมอยู่ที่ 70-80 ล้านบาท แบ่งเป็น ให้บริการในคลินิก 60 ล้านบาท และเวชสำอาง 20 ล้านบาท
“แผนการลงทุนในอนาคต จะเน้นการลงทุนแบบยั่งยืน ด้วยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังและความงาม ส่วนเวชสำอางจะเป็นการพัฒนาขึ้นมาด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่ใช้ได้ผลจริง และตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายในวงกว้างรับตลาดเออีซี ดังนั้น รายได้จากกลุ่มเวชสำอางจะเป็นรายได้หลักภายใน 2 ปีหลังจากนี้” นายปรนนท์กล่าวสรุป