กลุ่มบริษัทกัลฟ์ตีมึน! รัฐจ่อเจรจาขอเลื่อนจ่ายไฟไอพีพี 5 พันเมกะวัตต์หลังประเมินเศรษฐกิจฉุดความต้องการใช้ไฟฟ้าลดวูบ อ้างยังไม่มีข้อมูล และดูรายละเอียดแผน PDP 2015 ก่อน พร้อมกับแนะรัฐอย่าต่อสัญญาซื้อไฟฟ้า SPP ที่จะหมดอายุสัญญาลงในปี 2560 แต่ให้ดูเป็นกรณีไป เหตุโรงไฟฟ้าเก่า เครื่องจักรด้อยประสิทธิภาพ
นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท กัลฟ์ เปิดเผยภายหลังมีกระแสข่าวว่าสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะมีการเจรจากลุ่มบริษัทกัลฟ์เพื่อขอเลื่อนกำหนดการจ่ายไฟจำนวน 5 พันเมกะวัตต์ หลังจากพบว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงนับหมื่นเมกะวัตต์ หลังสิ้นสุดแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ปี 2015 (PDP2015) ที่จะเริ่มใช้ในปี 2558-2579 ว่า ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้รับแจ้งว่าขอเลื่อนการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีทั้ง 5 พันเมกะวัตต์ตามกำหนดเดิมปี 2564-2567 คงต้องขอดูสาเหตุการเลื่อนการจ่ายไฟ และรายละเอียดแผน PDP ฉบับใหม่ ซึ่งในแผน PDP ก็มีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ด้วยเหมือนกัน
“คงยังไม่สามารถให้คำคอบได้ว่าจะเลื่อนการจ่ายไฟฟ้าทั้ง 5 พันเมกะวัตต์หรือไม่ อย่างไร ต้องขอดูสาเหตุ และแผน PDP 2015 ก่อนเพื่อประเมินดีมานด์และซัปพลายไฟฟ้าในอนาคต โดยส่วนตัวเห็นว่าความต้องการใช้ไฟฟ้ายังโตต่อเนื่อง แต่อัตราการใช้ไฟชะลอตัวมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ก็ต้องวางแผนระยะยาวให้รอบคอบ ซึ่งภาคเอกชนก็วางแผนงานให้สอดคล้องกับ PDP แต่ทั้งนี้บริษัทพร้อมที่จะพูดคุยกับภาครัฐตลอดเวลาอยู่แล้ว”
จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากต้นปี 2557 ราคาน้ำมันสูงถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ต้นทุนค่าก๊าซฯ ในการผลิตไฟฟ้านับจากนี้จะถูกลงด้วย ดังนั้น การจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ต้องคำนึงถึงต้นทุนค่าเชื้อเพลิงด้วย เพราะไม่สามารถคาดเดาราคาเชื้อเพลิงจะต่ำเช่นนี้ไปนานแค่ไหน
นายสารัชถ์กล่าวถึงกรณีการเรียกร้องให้รัฐมีการต่ออายุสัญญารับซื้อไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ที่จะหมดอายุสัญญาลงปี 2560 ประมาณ 2.9 พันเมกะวัตต์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯ ที่ซื้อไฟฟ้าและไอน้ำนั้นว่า ความเห็นส่วนตัวไม่ควรมีการต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้า SPP เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่ผลิตมานานแล้ว เครื่องจักรเก่ามีประสิทธิภาพต่ำ ทำให้ต้องใช้ก๊าซฯ มากในการผลิตไฟฟ้าจึงไม่คุ้มค่า แต่หากจะต่ออายุสัญญาซื้อไฟฟ้า SPP ควรพิจารณาอย่างรอบคอบและเป็นรายกรณีไปจะเหมาะสมกว่า
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทกัลฟ์ไม่มีโรงไฟฟ้า SPP ที่จะหมดอายุในช่วงเวลาดังกล่าว และขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการทยอยก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 12 โครงการ กำลังการผลิต 1.47 พันเมกะวัตต์ อีก 2 ปีหน้าจะทยอยแล้วเสร็จ โดยโรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ปราจีนบุรี อยุธยา สระบุรี และนครราชสีมา ขายไฟฟ้าให้ กฟผ.ส่วนใหญ่ ที่เหลือขายไฟฟ้าและไอน้ำให้โรงงานที่อยู่โดยรอบโรงไฟฟ้า
เมื่อปลายปี 2557 ทางกลุ่มกัลฟ์ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างบริษัท มิตซุย แอนด์ คอมปานี ลิมิเตด ในการสนับสนุนให้โครงการโรงไฟฟ้าสามารถดำเนินการได้เป็นอย่างดี โดยได้เซ็นสัญญาหลักพร้อมกันถึง 4 สัญญา ได้แก่ สัญญาเงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งภายในและต่างประเทศ (Credit Facilities Agreement) วงเงินรวม 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 6 หมื่นล้านบาท เป็นระยะเวลา 22 ปี แบ่งเป็นเงินบาท 72% และดอลลาร์สหรัฐ 28% สัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้า (EPC) โดยมีบริษัท Toyo Engineering Corporation และบริษัท TEC Project Services Corporation เป็นคู่สัญญา สัญญาก่อสร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (Gas Pipeline EPC contract) โดยคู่สัญญาเป็นบริษัท China Petroleum Pipeline Bureau เพื่อสร้างท่อก๊าซย่อยจากโรงไฟฟ้าไปเชื่อมต่อกับท่อก๊าซหลักของ ปตท. สัญญาการให้บริการงานบำรุงรักษาเครื่องกังหันก๊าซ (Long Term Service Agreement) โดยมีคู่สัญญาเป็นบริษัท GE และ Siemens Limited ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีผู้ผลิตกังหันก๊าซ มีอายุสัญญา 20 ปี
