“สศอ.” ระบุน้ำมันโลกที่ลดลงต่ำมากยังมีผลต่อต้นทุนการผลิตภาคอุตสาหกรรมน้อย เหตุไทยปรับโครงสร้างทำให้ราคาดีเซลไม่ได้ลดมากตาม ขณะเดียวกันการผลิตภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ต้นทุนพลังงานหลักอยู่ที่ไฟฟ้า และก๊าซฯ คาดไฟฟ้าที่ลงและน้ำมันหากไม่ขึ้นจะเห็นผลต้นทุนชัดเจนกลางปีนี้
นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.ได้ทำการวิเคราะห์ถึงแนวโน้มโครงสร้างต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมภายใต้สถานการณ์น้ำมันตลาดโลกที่ลดต่ำต่อเนื่องมาอยู่ระดับเฉลี่ยเพียง 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เบื้องต้นพบว่าไม่มีผลต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญนัก เนื่องจากพบว่าต้นทุนพลังงานของภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยู่ที่ไฟฟ้าและก๊าซ
“เราพบว่าต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมนั้นมีทั้งทางตรงและทางอ้อม และแต่ละสินค้าก็ต่างกันไป โดยทางอ้อมจะมีเรื่องของค่าขนส่ง ซึ่งค่าขนส่งก็จะพบว่าของไทยนั้นส่วนใหญ่ใช้น้ำมันดีเซล และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ซึ่งก็พบว่ารัฐบาลมีการปรับโครงสร้างราคา โดย NGV เฉลี่ยปรับขึ้น ส่วนดีเซลราคาขายปลีกช่วงที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ลดลงมากนักเพราะรัฐบาลต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อนำไปใช้หนี้เก่า ภาพรวมอุตสาหกรรมจึงมีต้นทุนที่ไม่ได้ลดลงมากนัก” นายอุดมกล่าว
อย่างไรก็ตาม ส่วนของค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ Ft ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) ประกาศปรับลด 10.04 สตางค์ต่อหน่วยในช่วง ม.ค.-เม.ย. 58 และหากระดับราคาน้ำมันไม่มีการสวิงเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วช่วงกลางปีนี้ก็เชื่อว่าต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมน่าจะลดลงเห็นได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งต้นทุนเหล่านี้ก็จะสะท้อนไปยังราคาสินค้าที่ลดตามได้
นายอุดมกล่าวว่า ขณะนี้ สศอ.ได้จัดทำป้ายแสดงข้อมูลรถยนต์ (อีโคสติกเกอร์) เพื่อรองรับต่อการปรับภาษีสรรพสามิตใหม่ โดยการจัดทำอีโคสติกเกอร์มีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ คือ 1. เป็นประโยชน์ในการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ที่มีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์การให้สิทธิลดหย่อนอัตราภาษีที่เน้น “ความสะอาด-ประหยัด-ปลอดภัย” โดยจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 2559 ถือเป็นนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์โลก และ 2. เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้ที่สนใจจะซื้อรถทราบถึงข้อมูลพื้นฐานของรถยนต์ เช่น อัตราการใช้เชื้อเพลิงอ้างอิงเปรียบเทียบ และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่วัดตามมาตรฐานสากล เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค
“ปัจจุบันนี้มีรถยนต์ที่เข้าข่ายต้องจัดทำป้ายแสดงข้อมูลรถยนต์รวมทั้งสิ้น 220 รุ่น โดย สศอ.จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือน ม.ค. ปีนี้ เป็นโครงการนำร่อง 1 ปี ก่อนที่จะเริ่มใช้งานจริงวันที่ 1 ม.ค. 2559” นายอุดมกล่าว