ASTVผู้จัดการรายวัน- ประธานสหพันธ์ขนส่งทางบกจี้รัฐแจงแนวทางปรับโครงสร้างราคา NGV ให้เคลียร์ว่าจะมีการเก็บภาษีสรรพสามิต กองทุนน้ำมันฯ หรือไม่อย่างไร ย้ำราคาปัจจุบันไม่ได้ถูกกว่าน้ำมันหน้าโรงกลั่นเลย ย้ำ 15 บาทต่อกก.สูงเกินจริง ด้าน “กบง.”ถกวันนี้จ่อปรับโครงสร้างราคาLPG หน้าโรงแยกก๊าซแต่ขายปลีกไม่มีผล ส่วน NGV รอข้อมูลปตท.
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพลังงานให้คำตอบที่ชัดเจนถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ว่ารัฐบาลจะเก็บภาษีสรรพสามิตด้วยหรือไม่อย่างไร เนื่องจากเห็นว่าโครงสร้างราคาปัจจุบัน 12.50บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีฯรวมถึงเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใดๆ ทั้งสิ้นมีเพียงภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)เท่านั้นแต่รัฐกลับจะปรับเพิ่มราคา NGV โดยมีเป้าหมาย 15-16 บาทต่อกก.ซึ่งเห็นว่าเป็นราคาที่ค้ากำไรเกินควร
“ ราคา NGV ถ้าเราดูกันจริงๆ แล้วปัจจุบันจากที่น้ำมันลดราคาลงต่อเนื่อง ราคา NGV 12.50 บาทต่อกก.ใกล้เคียงกับน้ำมันหน้าโรงกลั่นแล้วแต่กลับไม่มีใครมอง แต่มองว่าเป็นราคาที่ต่ำต้องสะท้อนต้นทุนจะต้องขึ้นไปที่ 16 บาทต่อกก.แต่ล่าสุดก๊าซฯตลาดโลกลดมากบมจ.ปตท.ก็ยังบอกว่าควรจะอยู่ที่ 15 บาทต่อกก. แต่ต้องเข้าใจว่า NGV ไม่ได้มีเงินภาษีสรรพสามิต เงินกองทุนน้ำมันก็เลยคิดว่ามันถูกกว่าน้ำมัน และที่สำคัญต้นทุนจริงๆ เป็นอย่างไรรัฐเองก็ต้องชี้แจงด้วย”นายยูกล่าว
ทั้งนี้ NGV หากพิจารณาจากค่าความร้อนมีการจำหน่ายคิดเป็นกิโลกรัม น้ำมันเป็นลิตร แต่กิโลกรัมจะน้อยกว่าลิตร 20% นอกจากนี้ปตท.ยังเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์อีก 10% ของค่าความร้อนเหล่านี้ก็ทำให้ประสิทธิภาพ NGV ก็จะต่ำกว่าน้ำมันอีก ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลปรับโครงสร้างราคา NGV ให้ชัดเจนจะได้ให้เอกชนตัดสินใจในการใช้ในระยะยาวได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 7 ม.ค. จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)หน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติให้สะท้อนต้นทุนมากขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ระดับ 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาแอลพีจีตลาดโลกจะลดต่ำกว่า 450เหรียญฯต่อตันแต่กบง.จะยังไม่มีการปรับลดราคาแนะนำแอลพีจีใหม่แต่อย่างใดจากปัจจุบันราคาแอลพีจีทั้งครัวเรือน ขนส่งและอุตสาหกรรมเท่ากันที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)
“เราปรับราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯจะเป็นการลดการอุดหนุนลงซึ่งยังไม่มีผลต่อราคาขายปลีกแอลพีจีให้ปรับขึ้นแต่อย่างใด ส่วนระยะต่อไปก็ต้องมาดูหากราคาแอลพีจีตลาดโลกยังคงลดต่ำก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาปรับลดเช่นกัน ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวี นั้นจากราคาก๊าซฯที่ลดลงก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะต่ำกว่าต้นทุนที่เคยมองไว้ 16บาทต่อกิโลกรัมซึ่งบมจ.ปตท.เองก็กำลังศึกษาอยู่ "นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงถึงระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลดีต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ลดลง เห็นได้ว่าค่าโดยสารต่างๆ เริ่มปรับลด ขณะที่กระทรวงพลังงานใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างราคา ทั้งน้ำมัน แอลพีจี และเอ็นจีวี ให้สะท้อน
นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ต้องการให้รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพลังงานให้คำตอบที่ชัดเจนถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ว่ารัฐบาลจะเก็บภาษีสรรพสามิตด้วยหรือไม่อย่างไร เนื่องจากเห็นว่าโครงสร้างราคาปัจจุบัน 12.50บาทต่อกิโลกรัม(กก.)ไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีฯรวมถึงเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใดๆ ทั้งสิ้นมีเพียงภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT)เท่านั้นแต่รัฐกลับจะปรับเพิ่มราคา NGV โดยมีเป้าหมาย 15-16 บาทต่อกก.ซึ่งเห็นว่าเป็นราคาที่ค้ากำไรเกินควร
“ ราคา NGV ถ้าเราดูกันจริงๆ แล้วปัจจุบันจากที่น้ำมันลดราคาลงต่อเนื่อง ราคา NGV 12.50 บาทต่อกก.ใกล้เคียงกับน้ำมันหน้าโรงกลั่นแล้วแต่กลับไม่มีใครมอง แต่มองว่าเป็นราคาที่ต่ำต้องสะท้อนต้นทุนจะต้องขึ้นไปที่ 16 บาทต่อกก.แต่ล่าสุดก๊าซฯตลาดโลกลดมากบมจ.ปตท.ก็ยังบอกว่าควรจะอยู่ที่ 15 บาทต่อกก. แต่ต้องเข้าใจว่า NGV ไม่ได้มีเงินภาษีสรรพสามิต เงินกองทุนน้ำมันก็เลยคิดว่ามันถูกกว่าน้ำมัน และที่สำคัญต้นทุนจริงๆ เป็นอย่างไรรัฐเองก็ต้องชี้แจงด้วย”นายยูกล่าว
ทั้งนี้ NGV หากพิจารณาจากค่าความร้อนมีการจำหน่ายคิดเป็นกิโลกรัม น้ำมันเป็นลิตร แต่กิโลกรัมจะน้อยกว่าลิตร 20% นอกจากนี้ปตท.ยังเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์อีก 10% ของค่าความร้อนเหล่านี้ก็ทำให้ประสิทธิภาพ NGV ก็จะต่ำกว่าน้ำมันอีก ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลปรับโครงสร้างราคา NGV ให้ชัดเจนจะได้ให้เอกชนตัดสินใจในการใช้ในระยะยาวได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 7 ม.ค. จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)หน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติให้สะท้อนต้นทุนมากขึ้นจากเดิมที่กำหนดไว้ระดับ 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าราคาแอลพีจีตลาดโลกจะลดต่ำกว่า 450เหรียญฯต่อตันแต่กบง.จะยังไม่มีการปรับลดราคาแนะนำแอลพีจีใหม่แต่อย่างใดจากปัจจุบันราคาแอลพีจีทั้งครัวเรือน ขนส่งและอุตสาหกรรมเท่ากันที่ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)
“เราปรับราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯจะเป็นการลดการอุดหนุนลงซึ่งยังไม่มีผลต่อราคาขายปลีกแอลพีจีให้ปรับขึ้นแต่อย่างใด ส่วนระยะต่อไปก็ต้องมาดูหากราคาแอลพีจีตลาดโลกยังคงลดต่ำก็มีโอกาสที่จะเห็นราคาปรับลดเช่นกัน ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือเอ็นจีวี นั้นจากราคาก๊าซฯที่ลดลงก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาจะต่ำกว่าต้นทุนที่เคยมองไว้ 16บาทต่อกิโลกรัมซึ่งบมจ.ปตท.เองก็กำลังศึกษาอยู่ "นายอารีพงศ์กล่าว
สำหรับราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงถึงระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นผลดีต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ลดลง เห็นได้ว่าค่าโดยสารต่างๆ เริ่มปรับลด ขณะที่กระทรวงพลังงานใช้โอกาสนี้ปรับโครงสร้างราคา ทั้งน้ำมัน แอลพีจี และเอ็นจีวี ให้สะท้อน
