ทูตแอฟริกาใต้ร้อง “ประจิน” เบรกทีจีหยุดบินกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก

“ประจิน” เผย “จรัมพร” เตรียมเร่งหารือบอร์ดพิจารณาชะลอหยุดบินเส้นทางกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์กหรือไม่ จากที่มีแนวคิดหยุดบิน ม.ค. 58 เหตุขาดทุน มี Cabin Factor ต่ำไม่ถึง 50% หลังทูตแอฟริกาใต้ร้องขอให้บินต่อ ระบุชาวแอฟริกาใต้นิยมเดินทางมาไทยปีละ 85,000 คน พร้อมยืนยันไม่มีปัญหาโรคระบาด

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา H.E.Ms.Robina Patricia Marks เอกอัครราชทูต สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ประจำประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบเพื่อหารือกรณีที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีแนวคิดจะยกเลิกเส้นทางบินกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ในเดือนมกราคม 2558 ซึ่งปัจจุบันให้บริการอยู่ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยขอให้การบินไทยยังคงเปิดบินในเส้นทางดังกล่าวต่อไป โดยอาจปรับลดความถี่เหลือ 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

ทั้งนี้ เนื่องจากชาวแอฟริกาใต้นิยมเดินทางมายังประเทศไทย โดยปัจจุบันอยู่ที่ 85,000 คนต่อปี ในขณะที่ได้ให้ความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย และโรคระบาดต่างๆ รวมถึงการแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลา ซึ่งในส่วนของแอฟริกาใต้สามารถควบคุมการระบาดได้

พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย ได้ชี้แจงว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ ต้องตัดสินใจยกเลิกบินเส้นทางกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก สาเหตุหลักไม่ได้มาจากปัญหาโรคระบาด แต่ปัญหาสำคัญเนื่องจากเส้นทางดังกล่าวบริษัทฯ ประสบกับการขาดทุนอย่างมาก เพราะมีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor) เฉลี่ยต่ำกว่า 50% ในขณะที่หากจะมีกำไรต้องมี Cabin Factor เฉลี่ยตั้งแต่ 65% ขึ้นไป โดยเฉพาะเที่ยวไปมี Cabin Factor ต่ำมาก ซึ่งปัจจัยหนึ่งเพราะคนไทยไม่นิยมเดินทางไปยังแอฟริกาใต้มากนัก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8,000 คนต่อปี

“เรื่องนี้เมื่อมีข้อเสนอมา ทางคุณจรัมพรต้องนำไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ว่าจะมีความเห็นอย่างไร ก่อนตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนกระทรวงคมนาคมไม่มีนโยบายอะไรในเรื่องนี้ ต้องการให้บริษัทฯ ตัดสินใจเองตามความเหมาะสม ซึ่งเหตุผลที่การบินไทยต้องยกเลิกบินเพราะขาดทุน มี Cabin Factor ต่ำกว่า 50% ซึ่งเป็นเรื่องธุรกิจ แต่ในอีกทางหนึ่งการบินไทยต้องพิจารณาภาพลักษณ์ของประเทศด้วย” พล.อ.อ.ประจินกล่าว

โดยการบินไทยได้เปิดทำการบินเส้นทางกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2553 ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-220 ER ขนาด 292 ที่นั่ง ซึ่งเป็นช่วงที่นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ เป็นดีดี ซึ่งการบินไทยเคยทำการบินในเส้นทางดังกล่าวก่อนหน้านั้นแล้ว แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมันผันผวนจึงหยุดบินไป ส่วนการเปิดบินครั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าปัจจัยต่างๆ มีความพร้อม โดยการบินไทยเพื่อใช้โจฮันเนสเบิร์กเป็นประตูสู่ทวีปแอฟริการใต้และรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 อีกด้วย ซึ่งสาธารณรัฐแอฟริกาใต้มีศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยคาดว่าจะมี Cabin Factor ไม่ต่ำกว่า70% และจะมีกำไรในปีที่ 2-3 หลังจากเปิดบิน