“ณรงค์ชัย” แย้มแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานโดยเฉพาะราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินจะเห็นต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร ส่วนดีเซลจะลดลงไม่มากไปกว่าปัจจุบัน และจะเห็นราคาเท่ากับ E20 ส่วนแอลพีจีฝันอยากทำราคาขนส่งแพงกว่ากลุ่มอื่นแต่ระยะสั้นคงเท่ากันไปก่อน พร้อมจ่อขยับราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการเป็นประธานลงนามในพิธีบันทึกข้อตกลงโครงการความร่วมมือด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ระหว่าง 3 การไฟฟ้าเมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานวันที่ 15 ธ.ค.นี้กระทรวงพลังงานจะเสนอกรอบแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่จะเน้นสร้างความเป็นธรรมต่อผู้ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะผู้ใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินที่แนวโน้มจะมีราคาปรับลดลงต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตรและจะใกล้เคียงกับราคาดีเซล
“ที่ผ่านมาราคาดีเซลถูกกำหนดให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรเพราะรัฐได้ลดภาษีสรรพสามิตลงไปจนแทนไม่ได้เก็บเลย ทำให้ดีเซลเวลานี้ลดลงแต่ไม่มาก ส่วนกลุ่มเบนซินเก็บทั้งภาษีฯ เงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจึงไม่เป็นธรรม จากนี้ต้องปรับใหม่ให้การเก็บเงินเข้ากองทุนฯ และภาษีฯ เหมาะสม และพิจารณาจากค่าความร้อน ซึ่งหากมองเช่นนี้แล้วดีเซลจากนี้ไปราคาคงจะไม่ต่างไปจากปัจจุบันนักคงเฉลี่ยที่ 28 บาทต่อลิตร และดีเซลควรจะมีราคาเท่ากับแก๊สโซฮอล์ อี 20” รมว.พลังงานกล่าว
สำหรับราคาแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ที่ปัจจุบันรัฐได้ปรับโครงสร้างด้วยการลดการอุดหนุนราคาจากกองทุนน้ำมันฯ ทำให้ราคากลุ่มครัวเรือน ขนส่ง และภาคอุตสาหกรรมมาอยู่ในอัตราเดียวกันคือ 24.16 บาทต่อกิโลกรัมแล้วนั้นจากนี้ก็จะต้องค่อยๆ ทยอยปรับไปสู่ต้นทุนที่แท้จริงให้มากสุด อย่างไรก็ตาม หลักการแล้วราคาแอลพีจีภาคขนส่งที่ปัจจุบันคิดเป็นลิตรอยู่ที่ 14 บาทต่อลิตรเมื่อเทียบกับน้ำมันยังต่ำกว่ามากจึงควรจะปรับราคาเพิ่มขึ้น
“แนวคิดก็อยากให้แอลพีจีขนส่งขึ้นราคาต่างจากกลุ่มครัวเรือน แต่การทำก็ยากอยู่ก็กำลังพิจารณาว่าจะทำอย่างไรระยะสั้นคงต้องให้เท่ากันไปก่อน เพราะคนใช้แอลพีจีในรถยนต์มีถึง 1.3 ล้านคันจะไปโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลเป็นคนทำให้ราคาแอลพีจีต่ำกว่าความเป็นจริงเอง” รมว.พลังงานกล่าว
ปัจจุบันราคาแอลพีจีไม่มีการอุดหนุน ดังนั้นจากนี้ก็จะมาพิจารณาราคาหน้าโรงแยกก๊าซธรรมชาติที่มีการตรึงไว้ 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน ขณะที่ราคาที่แท้จริงขณะนี้ควรจะอยู่ที่ 500 เหรียญต่อตัน ซึ่งปี 2558 คงจะพิจารณาในส่วนนี้แต่คงจะไม่สะท้อนต้นทุนทั้งหมดทันที
นายณรงค์ชัยยังกล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุในเฟซบุ๊กว่าไม่เห็นด้วยกับการปรับราคาแอลพีจีว่า เรื่องดังกล่าวท่านก็ทำไว้ให้ต้องมาลำบากในวันนี้ ถ้าไม่มีความลำบากคือไปกำหนดให้ราคาต่ำกว่าต้นทุนก็คงไม่ต้องมาปรับราคาอะไร ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีทุกสมัยก็รักประชาชนจนแน่นอกและสร้างหนี้สาธารณะเอาไว้มาก กองทุนน้ำมันฯ เคยติดลบเกือบแสนล้านบาทก็ยังมีซึ่งไม่เป็นธรรมกับประชาชนทั้งหมด