ASTVผู้จัดการรายวัน- “กบง.”เคาะเลิกอุดหนุนราคาLPGขนส่ง/ครัวเรือนปรับสู่โหมดลอยตัว ดันราคาขึ้น 1.03 บาท/กก.เท่ากับภาคอุตฯที่ 24.16 บาท/กก.จากนี้เตรียมประกาศราคาเหลือราคาเดียวเป็นรายเดือนสะท้อนกลไกตลาดโลก พร้อมไฟเขียวขึ้น NGV ตามอีก 1 บ./กก.มีผล 3 ธ.ค. แต่บี้ปตท.ตรึงLPGขนส่งหวังบีบรายอื่นลดค่าการตลาด ส่วนน้ำมันรีดเงินเข้ากองทุนฯทุกชนิด 0.50บาท/ลิตร ผู้ค้าลดเบนซินและแก๊สโซฮอล์ 50 สต./ลิตรเว้น E85และดีเซลคงเดิมมีผลวันนี้
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ว่า จากสถานการณ์ราคาพลังานตลาดโลกที่เป็นขาลงจึงเป็นช่วงจังหวะเหมาะสมในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานดังนั้นกบง.จึงมีมติยกเลิกการอุดหนุนราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนอยู่ 1.03 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)
ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกของ LPG ทั้งภาคครัวเรือน ขนส่ง ขึ้นอีก 1.03 บาทต่อกก.มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ราคา LPG ภาคครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรมไปอยู่ระดับที่เท่ากันคือ 24.16 บาทต่อกก.
ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ที่ใช้ภาคขนส่งกบง.มีมติปรับขึ้นอีก 1 บาทต่อกก.มีผล 3 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคา NGV หน้าปั๊มบริการจะขึ้นจาก 11.50 บาทต่อกก.เป็น 12.50 บาทต่อกก. ส่วนNGV ในรถบริการสาธารณะจะปรับขึ้นจาก 8.50 บาทต่อกก.เป็น 9.50 บาทต่อกก. โดยในส่วนของ NGV ที่บริการรถสาธารณะที่ไม่ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติมครั้งนี้เพราะราคาต่ำเกินไปซึ่งภาระที่เพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมจะไปพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือ
ขณะเดียวกันจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่องทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้าปรับขึ้นสูงกบง.จึงมีมติเห็นชอบการปรับอัตราเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯทุกชนิดทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลลิตรละ 0.50 บาท ขณะเดียวกันค่าการตลาดที่ยังสูงจึงมอบให้ผู้ค้าน้ำมันไปพิจารณาประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 0.50 บาทต่อลิตรยกเว้น E 85 คงเดิม ส่วนดีเซลจะปรับลดลง 0.40 บาทต่อลิตร โดยทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.เป็นต้นไป
“ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้สถานะกองทุนน้ำมันสุทธิเป็นบวกที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท จากเดิมในช่วงวันที่ 18 พ.ค.57 ติดลบ 7,412 ล้านบาทซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังมีทิศทางลดลงนั้นเราก็คาดหวังว่าจะทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯได้เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งที่พอใจถึงตอนนั้นรัฐบาลก็จะประกาศปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเพื่อให้สะท้อนกลไกที่แท้จริงถึงตอนนั้นราคาน้ำมันโดยเฉพาะกลุ่มเบนซินก็จะปรับตัวลดลงแน่นอน”รมว.พลังงานกล่าว
ทั้งนี้นายณรงค์ชัยกล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมามีการปรับลดลงเฉลี่ยประมาณ 30% ซึ่งรัฐบาลได้บริหารราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศให้สะท้อนกลไกตลาดโดยกลุ่มเบนซินลดลง 18-20% โดยเฉลี่ยซึ่งสาเหตุทีลดต่ำกว่าตลาดโลกนั้นเพราะไทยมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯและสรรพสามิต โดยเฉพาะดีเซลที่ก่อนหน้าลดภาษีสรรพสามิตลงจึงต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯมากกว่ากลุ่มเบนซินจึงทำให้ราคาดีเซลขายปลีกลดลงไม่มากนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันลดลงเฉพาะเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 50 สตางค์ต่อลิตรยกเว้น E 85 คงเดิมส่วนดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีผลตั้งแต่ 3 ธ.ค.เป็นต้นไป
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า การปรับขึ้น LPG ครั้งนี้ทางบมจ.ปตท.ที่มีปั๊ม LPG อยู่ 200 กว่าแห่งหรือคิดเป็น 40% ของปั๊มทั้งหมดจะตรึงราคาเป็นราคาเดิมเนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันราคา LPG ที่จำหน่ายอยู่ถือว่ามีค่าการตลาดที่สูงมากจึงควรจะปรับลดลงอยู่แล้ว และการเลิกอุดหนุนราคา LPG
ครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างราคาไปสู่การลอยตัวที่จะสะท้อนกลไกตลาดโลกที่ต่อไปจะมีการประกาศราคาแนะนำเป็นรายเดือนที่จะเป็น LPG ราคาเดียวโดยจะใช้สูตรราคาหน้าโรงกลั่น ที่ปัจจุบันอิงราคานำเข้า(CP) 76 % และราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ 24% โดยขณะนี้อยู่ที่ 651 เหรียญฯต่อตัน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ว่า จากสถานการณ์ราคาพลังานตลาดโลกที่เป็นขาลงจึงเป็นช่วงจังหวะเหมาะสมในการปรับโครงสร้างราคาพลังงานดังนั้นกบง.จึงมีมติยกเลิกการอุดหนุนราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(LPG) ที่ปัจจุบันกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอุดหนุนอยู่ 1.03 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)
ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกของ LPG ทั้งภาคครัวเรือน ขนส่ง ขึ้นอีก 1.03 บาทต่อกก.มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. เป็นต้นไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้ราคา LPG ภาคครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรมไปอยู่ระดับที่เท่ากันคือ 24.16 บาทต่อกก.
ส่วนก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์(NGV) ที่ใช้ภาคขนส่งกบง.มีมติปรับขึ้นอีก 1 บาทต่อกก.มีผล 3 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคา NGV หน้าปั๊มบริการจะขึ้นจาก 11.50 บาทต่อกก.เป็น 12.50 บาทต่อกก. ส่วนNGV ในรถบริการสาธารณะจะปรับขึ้นจาก 8.50 บาทต่อกก.เป็น 9.50 บาทต่อกก. โดยในส่วนของ NGV ที่บริการรถสาธารณะที่ไม่ช่วยอุดหนุนเพิ่มเติมครั้งนี้เพราะราคาต่ำเกินไปซึ่งภาระที่เพิ่มขึ้นก็เป็นเรื่องที่กระทรวงคมนาคมจะไปพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือ
ขณะเดียวกันจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ลดลงต่อเนื่องทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้าปรับขึ้นสูงกบง.จึงมีมติเห็นชอบการปรับอัตราเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันฯทุกชนิดทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซลลิตรละ 0.50 บาท ขณะเดียวกันค่าการตลาดที่ยังสูงจึงมอบให้ผู้ค้าน้ำมันไปพิจารณาประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 0.50 บาทต่อลิตรยกเว้น E 85 คงเดิม ส่วนดีเซลจะปรับลดลง 0.40 บาทต่อลิตร โดยทั้งหมดจะมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.เป็นต้นไป
“ผลจากการดำเนินงานดังกล่าวส่งผลให้สถานะกองทุนน้ำมันสุทธิเป็นบวกที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท จากเดิมในช่วงวันที่ 18 พ.ค.57 ติดลบ 7,412 ล้านบาทซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังมีทิศทางลดลงนั้นเราก็คาดหวังว่าจะทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯได้เพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งที่พอใจถึงตอนนั้นรัฐบาลก็จะประกาศปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเพื่อให้สะท้อนกลไกที่แท้จริงถึงตอนนั้นราคาน้ำมันโดยเฉพาะกลุ่มเบนซินก็จะปรับตัวลดลงแน่นอน”รมว.พลังงานกล่าว
ทั้งนี้นายณรงค์ชัยกล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงช่วง 5-6 เดือนที่ผ่านมามีการปรับลดลงเฉลี่ยประมาณ 30% ซึ่งรัฐบาลได้บริหารราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศให้สะท้อนกลไกตลาดโดยกลุ่มเบนซินลดลง 18-20% โดยเฉลี่ยซึ่งสาเหตุทีลดต่ำกว่าตลาดโลกนั้นเพราะไทยมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯและสรรพสามิต โดยเฉพาะดีเซลที่ก่อนหน้าลดภาษีสรรพสามิตลงจึงต้องเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯมากกว่ากลุ่มเบนซินจึงทำให้ราคาดีเซลขายปลีกลดลงไม่มากนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ค้าน้ำมันได้แจ้งเปลี่ยนแปลงราคาขายปลีกน้ำมันลดลงเฉพาะเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 50 สตางค์ต่อลิตรยกเว้น E 85 คงเดิมส่วนดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยมีผลตั้งแต่ 3 ธ.ค.เป็นต้นไป
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า การปรับขึ้น LPG ครั้งนี้ทางบมจ.ปตท.ที่มีปั๊ม LPG อยู่ 200 กว่าแห่งหรือคิดเป็น 40% ของปั๊มทั้งหมดจะตรึงราคาเป็นราคาเดิมเนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันราคา LPG ที่จำหน่ายอยู่ถือว่ามีค่าการตลาดที่สูงมากจึงควรจะปรับลดลงอยู่แล้ว และการเลิกอุดหนุนราคา LPG
ครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างราคาไปสู่การลอยตัวที่จะสะท้อนกลไกตลาดโลกที่ต่อไปจะมีการประกาศราคาแนะนำเป็นรายเดือนที่จะเป็น LPG ราคาเดียวโดยจะใช้สูตรราคาหน้าโรงกลั่น ที่ปัจจุบันอิงราคานำเข้า(CP) 76 % และราคาหน้าโรงแยกก๊าซฯ 24% โดยขณะนี้อยู่ที่ 651 เหรียญฯต่อตัน