ราคาข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวเดือนพ.ย. ทำสถิติต่ำสุดในรอบปี ชาวนาโวยราคาข้าวที่ขายได้ขณะนี้ลดลงมากกว่า 50% เตรียมยื่น “ประยุทธ์”ช่วยเหลือด่วน เผยมาตรการดึงราคาข้าวยังเดินหน้าไม่ได้ เหตุยังพิจารณารายละเอียดกันยังไม่เสร็จ ทั้งๆ ที่ข้าวใกล้ทะลักแล้ว ผู้ส่งออกไม่รอรัฐ โดดช่วยก่อน ควักเงินซื้อข้าวหอมมะลิเข้าเก็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ราคาข้าวในตลาดได้ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และต่ำสุดในรอบปี ซึ่งข้อมูลจากกรมการค้าภายในพบว่าราคาจำหน่ายข้าวสารในประเทศ ชนิดข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) เดือนพ.ย.2557 อยู่ที่ตันละ 28,900 บาท เป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบปี หากเทียบกับราคาเดือนพ.ย.2556 ที่มีราคาอยู่ที่ตันละ 34,000 บาท ขณะที่ราคาส่งออกข้าว (เอฟโอบี) โดยเป็นข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศพบว่าราคาส่งออกข้าวหอมมะลิชั้น 2 (ใหม่) เดือนพ.ย.2557 เหลือตันละ 863 เหรียญสหรัฐ ต่ำสุดในรอบปี เมื่อเทียบราคาส่งออกช่วงพ.ย.2556 ที่ราคาอยู่ที่ตันละ 1,053 เหรียญสหรัฐ
นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า สมาคมฯ จะทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้รัฐบาลเร่งผลักดันราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้น เพราะขณะนี้ราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2557/58 ลดลงมากกว่า 50% จากราคาที่ชาวนาเคยขายได้ในช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว เช่น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ขณะนี้ขายได้ตันละ 9,000-10,000 บาท ต่ำกว่าราคาที่เคยขายได้ในตลาดในช่วงมีโครงการรับจำนำข้าว 16,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกเหนียว เหลือตันละ 7,000-8,000 บาท ต่ำกว่าราคาที่เคยขายได้ตันละ 13,000 บาท
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้เสนอต่อ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถึงมาตรการที่ผู้ส่งออกจะช่วยรัฐบาลดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด 2 แนวทาง คือ การขอความร่วมมือให้สมาชิกสมาคมฯ 200 ราย ซื้อข้าวสารหอมมะลิใหม่ เพื่อมาเก็บในสต๊อกตามหลักเกณฑ์ที่กรมการค้าภายในกำหนดให้ผู้ค้าข้าวจะต้องมีสต๊อกข้าวขั้นต่ำรายละ 500 ตัน โดยแนวทางนี้สามารถดำเนินการได้ทันที คาดว่าจะช่วยดูดปริมาณผลผลิตส่วนเกินได้ 1 แสนตัน ซึ่งจะใช้เงินประมาณ 2,700 ล้านบาท
ส่วนมาตรการที่ 2 จะขอความร่วมมือผู้ส่งออกรายใหญ่ประมาณ 10 ราย ช่วยกันซื้อข้าวหอมมะลิ 3 แสนตัน ในตลาดมาเก็บเป็นสต๊อก โดยรัฐบาลไม่ต้องจ่ายชดเชยให้ ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขให้ทุกรายรับซื้อข้าวตามราคาตลาด ในช่วงที่ผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดจำนวนมากนับตั้งแต่เดือนพ.ย.-ธ.ค. 2557
“ทั้ง 2 วิธีการ ผู้ส่งออกทุกรายยอมควักกระเป๋ามาช่วยเหลือราคาข้าว โดยปริมาณข้าว 3 แสนตัน ที่จะซื้อมาเก็บไว้ หากคิดราคาข้าวสารหอมมะลิตันละ 2.7 หมื่นบาท จะต้องใช้เงิน 8,000 ล้านบาท ไม่นับรวมค่าเช่า และดอกเบี้ยอีก เป็นสิ่งที่ทางผู้ส่งออกได้เสนอกระทรวงพาณิชย์ไปแล้ว”
ทั้งนี้ สมาคมฯ เชื่อว่าแนวโน้มราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะหมดช่วงฤดูฝน ข้าวที่ชาวนาเก็บเกี่ยวจะมีความชื้นต่ำลง รวมทั้งมาตรการในการช่วยเหลือของภาครัฐทั้งการเก็บข้าวในยุ้งฉาง และการเก็บสต๊อกข้าวโดยชดเชยดอกเบี้ย 3% ให้กับโรงสี จะผลักดันให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ขณะนี้ขายได้ 7,700-8,000 บาท ต่ำราคาราคาที่ขายได้ในตลาดในช่วงที่มีโครงการรับจำนำไม่ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาท และมีแนวโน้มที่ราคาข้าวจะลดลงต่ำกว่านี้ เพราะผลผลิตกำลังออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วยปลายเดือนพ.ย.นี้เป็นต้นไป
ส่วนมาตรการพยุงราคาข้าวที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) และกระทรวงพาณิชย์ที่กำลังดำเนินการอยู่ ทั้งการชดเชยดอกเบี้ยให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อข้าวในราคานำตลาด การให้สินเชื่อเพื่อเก็บสต๊อกข้าวไว้ในยุ้งฉาง และโครงการเพิ่มมูลค่าสินค้าข้าว ยังไม่ได้ส่งผลให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น เพราะขณะนี้มาตรการที่ว่ายังไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะรัฐกำลังกำหนดเงื่อนไขในการเข้าร่วม และกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา