“ฉัตรชัย” ใช้โอกาสไทย-จีนฉลองสัมพันธ์ครบ 40 ปี กล่อมซื้อข้าวไทยเพิ่ม 2 ล้านตัน ยางอีก 2 แสนตัน คาดได้ข้อสรุปอีก 2 สัปดาห์ ส่วนราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตกต่ำ เหตุข้าวมีความชื้นสูงเพราะฝนตก เตรียมเรียกผู้ส่งออก โรงสี เคลียร์ปัญหาช่วยกันดันราคาข้าวอีกรอบ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับคอฟโก้ รัฐวิสาหกิจของจีน ในโอกาสที่นายกรัฐมนตรีเดินทางประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) โดยได้เสนอขายข้าวไทย 2 ล้านตันให้พิจารณา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะมีการซื้อขายข้าวล็อตดังกล่าวภายใน 2 สัปดาห์ และหากคอฟโก้ตกลงซื้อข้าวจากไทยเพิ่ม 2 ล้านตัน ก็จะมีการลงนามในระดับรัฐมนตรีระหว่างกันภายในเดือน ธ.ค.นี้ และยังได้เสนอให้จีนซื้อยางพาราจากไทย 2 แสนตันด้วย
“ได้เสนอให้จีนช่วยเรื่องสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยาง โดยข้าวมีการพูดคุยกันเบื้องต้น ขอให้จีนซื้อเพิ่มอีก 2 ล้านตัน โดยมีกรอบระยะเวลาส่งมอบปี 2558-2559 ส่วนราคาขายให้ยึดตามราคาตลาดโลก ส่วนยางได้พูดคุยกับบริษัทยางของจีนให้นำเข้ายางจากไทย 2 แสนตันเช่นกัน โดยการขายครั้งนี้เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบรอบ 40 ปี และในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา” พล.อ.ฉัตรชัยกล่าว
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ส่วนการหารือกับตัวแทนเกษตรกร ได้มีการติดตามความคืบหน้าประเด็นต่างๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งคณะทำงานร่วมกับกลุ่มชาวนา 5 เครือข่าย โดยคณะทำงานในกลุ่มชาวนาได้มีการมอบหมายให้นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เป็นประธานคณะทำงานการพูดคุยของกลุ่มเกษตรกร 5 เครือข่าย และยังได้ติดตามการรับจำนำข้าวหอมมะลิยุ้งฉางให้ครอบคลุมกลุ่มสหกรณ์ชุมชนด้วย
สำหรับกรณีที่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรระบุว่ามีข้าวเหลือในสต๊อก 19.1 ล้านตัน เป็นตัวเลขที่คำนวณถึงเดือน พ.ค.เท่านั้น แต่หลังจากที่ตนมารับมอบงานในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ข้าวในสต๊อกได้มีการระบายออกคงเหลือเพียง 18 ล้านตัน ซึ่งการระบายจะยึดตามกรอบยุทธศาสตร์ที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) มีมติไว้ โดยเร็วๆ นี้คณะอนุกรรมการพิจารณาการระบายข้าวจะมีการเสนอกรอบการระบายข้าวรอบใหม่ให้ นบข.พิจารณาว่าการระบายข้าวจะกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในตลาดที่กำลังทยอยออกมาหรือไม่ หากไม่กระทบก็จะทำการระบายข้าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรณีปัญหาข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตกต่ำ ไม่เป็นไปตามการขอความร่วมมือกับกลุ่มผู้ส่งออกและโรงสีที่ให้รับซื้อข้าวในราคาตามที่ตกลงไว้ คือ ข้าวเปลือกหอมมะลิ 1.5-1.6 หมื่นบาท/ตัน ข้าวสาร 29-30 บาท/กก.นั้น เห็นว่าปัญหาเกิดจากชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวมีความชื้นสูงเพราะเป็นช่วงฝนตกหนัก ทำให้ราคาข้าวไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ แต่หลังจากนี้เชื่อว่าเมื่อผ่านฤดูฝนข้าวจะมีความชื้นต่ำลง น่าจะทำให้ราคาข้าวหอมมะลิปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งตนจะเชิญกลุ่มชาวนา โรงสี และผู้ส่งออกข้าว มาทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อผลักดันให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิเป็นไปตามที่กำหนดต่อไป