บุรีรัมย์ - ชาวนาบุรีรัมย์ร้อนเงินแห่นำข้าวเกี่ยวสดเปียกชื้นออกมาขาย ทำให้ได้ราคาต่ำเพราะความชื้นสูง ขณะโรงสีหลายแห่งไม่มีที่เก็บ ตาก และไม่มีเครื่องอบ ต้องชะลอการรับซื้อ เกรงข้าวได้รับความเสียหายขาดทุนยับ อีกทั้งผู้ส่งออกยังเงียบหาย ร้องรัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือทั้งชาวนาและผู้ประกอบการโรงสี
วันนี้ (13 พ.ย.) ขณะนี้ชาวนาในหลายพื้นที่ เช่น อ.สตึก แคนดง คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ได้พากันนำผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิ 105 ที่เกี่ยวสดความชื้นสูงนำไปจำหน่ายให้โรงสีในเขตพื้นที่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เป็นจำนวนมาก วันละ 300- 400 ราย รวมปริมาณข้าวกว่า 800-1,000 ตันต่อวัน จนทำให้โรงสีบางแห่งที่ไม่มีพื้นที่เก็บ ตาก และไม่มีเครื่องอบแห้ง ต้องชะลอการรับซื้อข้าวเกี่ยวสดจากเกษตรกร เพราะเกรงว่าข้าวที่เปียกชื้นจะได้รับความเสียหาย หรือข้าวมีสภาพเหลืองและเมล็ดหักเสื่อมสภาพทำให้ขาดทุน
พร้อมกันนี้ ทางผู้ประกอบการโรงสีข้าวยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเข้ามาประชาสัมพันธ์หรือหามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องการใช้จ่ายเงินเป็นค่าเก็บเกี่ยว ค่าจ้างแรงงาน หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ เพื่อชะลอไม่ให้ชาวนานำข้าวเปลือกเกี่ยวสดเปียกชื้นออกมาขายให้นายทุน ผู้ประกอบการ หรือโรงสีข้าวในช่วงนี้ เพราะข้าวที่เปียกจะถูกหักความชื้นสูงขายได้ราคาต่ำ ชาวนาควรนำข้าวไปตากให้แห้งและเก็บไว้ในยุ้งฉางก่อนแล้วค่อยทยอยนำออกมาขายเมื่อข้าวมีราคาสูงขึ้น
นายศุภสิทธิ์ อึ้งพัฒนากิจ ผู้ประกอบการโรงสีไฟสหพัฒนา อ.สตึก กล่าวว่า ปีนี้ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ไม่กล้ารับซื้อข้าวของเกษตรกรเข้ามาเก็บและกักตุนไว้เป็นจำนวนมากเนื่องจากเกรงว่าจะประสบปัญหา เพราะปีนี้ผู้ส่งออกข้าวไทยยังไม่มารับซื้อข้าวจากผู้ประกอบการเพื่อนำไปแปรรูปส่งออกไปขายยังต่างประเทศโดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาจประสบปัญหาไม่มีออเดอร์จากต่างประเทศ จึงร้องขอให้รัฐบาลได้เร่งเข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้โรงสีและชาวนาอย่างเร่งด่วนด้วย