ปตท.สผ.ทบทวนเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียม 6 แสนบาร์เรล/วันในปี 2563 หลังจากราคาน้ำมันดิบดิ่งหนักจนต้องชะลอการลงทุนโครงการสำรวจปิโตรเลียมที่มีต้นทุนการผลิตสูงออกไป พร้อมทั้งวางเป้าหมายเร่งลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ หวังลด Unit Cost ลงต่ำกว่า 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนเป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมที่ระดับ 6 แสนบาร์เรล/วันในปี 2563 หลังจากราคาน้ำมันดิบดูไบอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องจากต้นปี 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 74 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทฯ ต้องเร่งทบทวนการพัฒนาโครงการสำรวจปิโตรเลียมที่มีต้นทุนการผลิตสูงบางโครงการออกไปก่อน
ส่วนการแสวงหาโครงการปิโตรเลียมใหม่เพิ่มเติมนั้นก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยจะเน้นการซื้อกิจการ (M&A) แหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพ และการผลิตอยู่แล้วในไทยและภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีความคุ้นเคย ซึ่งแนวทางการซื้อกิจการนี้จะหารือกับคณะกรรมการบริษัทเพื่อกำหนดทิศทางต่อไป
ปัจจุบัน ปตท.สผ.มีโครงการปิโตรเลียมที่มีการพัฒนาแล้ว รวมทั้งแหล่งปิโตรเลียมในพอร์ต คิดเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน หากต้องการให้บรรลุเป้าหมาย 6 แสนบาร์เรล/วัน ก็คงต้องลงทุนเพิ่มเติมอีก
“เป้าหมายการผลิตปิโตรเลียมให้ครบ 6 แสนบาร์เรล/วันในปี 2563 กำลังรีวิวอยู่ แต่บริษัทยังมีเวลาอีก 6 ปี ซึ่งโครงการที่มีอยู่มีอยู่ในพอร์ตสามารถผลิตได้ 4 แสนบาร์เรล/วัน ยังต้องหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่เพิ่มเติมในอนาคต”
นายเทวินทร์กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดทำแผนลงทุน 5 ปี (2558-2562) คาดว่าจะแล้วเสร็จเพื่อเสนอคณะกรรมการบริษัทในเดือน ธ.ค.นี้ โดยยังเดินหน้าการลงทุนโครงการพัฒนาปิโตรเลียมที่สร้างการเติบโตให้บริษัทฯ แต่จะชะลอโครงการที่อยู่ระหว่างเตรียมสำรวจฯ ที่มีต้นทุนการผลิตสูงออกไปก่อน แล้วหาเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ มาลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลงสอดคล้องกับทิศทางราคาน้ำมัน
“บริษัทไม่รีบเร่งในการพัฒนาโครงการที่มีต้นทุนสูง เนื่องจากบริษัทฯ มีศักยภาพปริมาณสำรองที่พิสูจน์แล้วและปริมาณสำรองที่คาดว่าจะมีรวมกันแล้ว 40 ปี ซึ่งมากเพียงพอ แต่ตอนนี้จะเน้นการบริหารลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงมาให้ต่ำที่สุด ซึ่งโครงการแคช เมเปิลที่ออสเตรเลีย และออยแซนด์ที่แคนาดา ก็จะทำการประเมินว่าจะทำอย่างไรให้คุ้มค่าภายใต้ราคาน้ำมันดิบเช่นนี้ โดยจะหาเทคโนโลยีใหม่เพื่อลดต้นทุน ถ้าคุ้มค่าเร็วก็จะทำเร็ว ซึ่งโครงการเหล่านี้ไม่ได้มีสัญญาว่ากำหนดเงื่อนไขการพัฒนาโครงการ”
ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายจะลดต้นทุนการผลิตรวม (Unit Cost) จากปัจจุบันอยู่ที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ให้ลดลงมาอีกเพื่อเพิ่มส่วนต่างมาร์จิ้นให้สูงขึ้น รวมทั้งในปีหน้าบริษัทฯ มั่นใจว่าแหล่งมอนทาราที่ออสเตรเลียจะผลิตน้ำมันดิบได้ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่ผลิตเฉลี่ย 1.7 หมื่นบาร์เรล/วัน โดยจะมีการเจาะหลุมเพิ่มเติมเพื่อผลิตเพิ่มขึ้น
ด้านนางสาวกัญญามาศ ฤทธิเดช เจ้าหน้าที่การเงินอาวุโส ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในครึ่งแรกของปี 2558 ปตท.จะนำบริษัทย่อย คือ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GPSC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นเดียวกับการขายหุ้นบริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ที่ ปตท.ถือหุ้นอยู่ 36% ออกไป โดยอาจขายหุ้นไปก่อนหรือพร้อมกับการขายหุ้น IPO โดยการขายหุ้นดังกล่าวจะต้องเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเพื่อขอแก้ไขสัญญาประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมัน
ส่วนการขายหุ้นบางจากฯ ที่ ปตท.ถือหุ้นอยู่ 27.22% หรือประมาณ 374 ล้านหุ้นจะมีข้อสรุปในปลายปี 2558 ซึ่งขณะนี้มีผู้สนใจซื้อหุ้นดังกล่าวแล้วหลายราย โดยบริษัทมีต้นทุนหุ้นบางจากอยู่ที่ 14.90 บาท