xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.สผ.พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ตุนเงินซื้อกิจการในไทย-อาเซียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปตท.สผ.สบช่องน้ำมันร่วง เล็งหาโอกาสซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมในไทยและภูมิภาคนี้ หลังตุนเงินเพียบ 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ มองปีหน้าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 85 เหรียญ/บาร์เรลทำให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทหดเหลือ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ฉุดให้ Ebitda Margin วูบต่ำกว่า 70% แต่มั่นใจปี 58 ปริมาณการขายปิโตรเลียมโตขึ้น 10%

นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) เปิดเผยว่าจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างแรงมาอยู่ที่ระดับ 78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมตลาดดูไบเฉลี่ย 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมต้องปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงเช่นเดียวกับ ปตท.สผ. รวมทั้งมีการชะลอการลงทุนบางโครงการที่มีต้นทุนสูงออกไป เช่น โครงการ FLNG ที่ออสเตรเลีย และโครงการออยล์แซนด์ที่แคนาดา แต่ยังมีการลงทุนสำรวจเท่าที่ได้ทำสัญญากับรัฐบาลแคนาดาไว้เท่านั้น โดยจะยังไม่มีการลงทุนเพื่อเร่งรีบพัฒนาโครงการแต่อย่างใด จนกว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันจะดีขึ้น

“จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่อ่อนตัวลง ทำให้บริษัทฯ ต้องทบทวนการลงทุนโครงการต่างๆ ใหม่ โดยเรียงลำดับโครงการต่างๆ ก่อนหลัง โดยพิจารณาว่าโครงการใดที่มีผลตอบแทนการลงทุนดีก็ทำไปตามแผนงาน แต่โครงการไหนผลตอบแทนไม่ดีก็จะชะลอไปก่อน รวมทั้งตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัย”

ภายใต้วิกฤตก็เป็นโอกาสที่ดีในการที่บริษัทจะแสวงหาโอกาสที่จะซื้อกิจการ (M&A) เน้นแหล่งปิโตรเลียมที่มีการผลิตเชิงพาณิชย์อยู่แล้วในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เเหมือนกับที่บริษัทได้ซื้อกิจการ Hess Corporation ในประเทศไทยเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งการเข้าซื้อกิจการนั้นต้องเป็นสินทรัพย์ที่ดี และปัจจุบันบริษัทฯ มีกระแสเงินสดถึง 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐเพียงพอที่จะซื้อกิจการ รวมทั้งยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนเพิ่มเติมอีก 2-3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นางสาวเพ็ญจันทร์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการทำงบการลงทุนในปีหน้า คาดว่าตัวเลขจะปรับลดลง ซึ่งสะท้อนการปรับลดรายจ่ายการลงทุนในบางโครงการลง เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ราคาพลังงานที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมในปีหน้าคาดว่าจะโตขึ้นกว่าปีนี้ 10% เนื่องจากโครงการซอติก้าที่พม่าผลิตได้เต็มปี และรับรู้ปริมาณการผลิตแหล่งน้ำมันเบอร์ซาบา ที่แอลจีเรียด้วย ขณะเดียวกันเชื่อว่าจะรักษาอัตราการผลิตปิโตรเลียมในไทยได้เท่ากับปีนี้ ขณะที่ราคาประเมินน้ำมันดิบดูไบในปี 2558 คาดว่าเฉลี่ย 85 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของบริษัทใกล้เคียง 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ต่ำลงจากปีนี้ที่ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ส่งผลให้อัตรากำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อมและดอกเบี้ย (EBITDA Margin) จะต่ำกว่า 70% ลดลงจากปีนี้ที่เฉลี่ยอยู่ 70%

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2557 ปตท.สผ.มั่นใจว่าจะมีปริมาณการขายปิโตรเลียมสูงกว่า 9 เดือนแรกที่มียอดขายอยู่ที่ 3.13 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากไตรมาสนี้เศรษฐกิจดีขึ้นและรับรู้การขายก๊าซฯ จากแหล่งซอติก้าเพิ่มขึ้น ทำให้ทั้งปีบริษัทบรรลุเป้าหมายปริมาณการขายปิโตรเลียมโตขึ้น 8% ขณะที่ราคาปิโตรเลียมในไตรมาส 4 นี้จะใกล้เคียง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าราคาตลาดโลกจะอ่อนลงมาต่ำกว่า 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากบริษัทได้ทำประกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าที่ระดับราคา 98-99 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล คิดเป็น 70% ของปริมาณการขาย
กำลังโหลดความคิดเห็น