ASTVผู้จัดการรายวัน – ปตท.สผ.ลั่นครึ่งปีหลังนี้มีปริมาณขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 3.3 แสนบาร์เรล/วัน ดันยอดขายทั้งปีโต 10%มาจากแหล่งปิโตรเลียมใหม่ทั้งซอติก้า มอนทาราและการซื้อกิจการHessในไทย ขณะที่ราคาขายปิโตรเลียมคาดใกล้เคียงครึ่งแรกของปีตามทิศทางราคาก๊าซและน้ำมันดิบในตลาดโลก ตั้งเป้าปีหน้าโตไม่ต่ำกว่า 10%
นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดมีปริมาณการขายปิโตรเลียมในครึ่งปีหลังนี้อยู่ที่ 3.3 แสนบาร์เรล /วัน เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกปี 2557 ที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 3.07 แสนบาร์เรล /วัน ทำให้ปริมาณการขายทั้งปีโตได้ 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA Margin)อยู่ที่ 70%
ปริมาณการขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้มาจากโครงการผลิตน้ำมันดิบมอนทารา ออสเตรเลียที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ผลิตอยู่ 1.6 หมื่นบาร์เรล/วัน โครงการซอติก้า ที่เมียนมาร์ ได้มีการผลิตก๊าซฯป้อนให้ไทยแล้ว 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันเมื่อช่วงส.ค.ที่ผ่านมา จากเดิมที่ผลิตป้อนในตลาดเมียนมาร์อยู่แล้ว 60 ล้านลบ.ฟุต/วัน โครงการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งไพลินและสินภูฮ่อมที่ปตท.สผ.ได้ซื้อกิจการมาจากHess Corp
ดังนั้นในปี 2558 บริษัทฯคาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมจะโตขึ้นจากปีนี้กว่า 10% เนื่องจากรับรู้การผลิตเต็มปีจากโครงการซอติก้า โครงการมอนทารา โครงการผลิตน้ำมันดิบที่อัลจีเรีย และโครงการไพลินและสินภูฮ่อมที่ซื้อกิจการมาจากHess Corp
ส่วนราคาปิโตรเลียมในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าใกล้เคียง 6 เดือนแรกของปี 2557 โดยราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ราคาน้ำมันดิบดูไบคาดว่าอยู่ที่ 100-104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าบางช่วงราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความไม่สงบในยูเครนและอิรัก แต่ก็คงยืนระดับราคาสูงได้ไม่นานเพราะถูกกดดันจากโครงการShale Gas/Shale Oil ที่ค้นพบในสหรัฐฯ
นางสาวเพ็ญจันทร์ กล่าวต่อไปว่า ในไตรมาส 3 นี้จะได้ข้อสรุปผลการเจาะหลุมสำรวมแหล่งMaple East ที่ออสเตรเลียว่ามีปริมาณก๊าซฯหรือไม่ หากพบว่ามีจะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซฯของแหล่งCash Maple จากเดิมที่มีปริมาณสำรองอยู่ 3 ล้านล้านลบ.ฟุต/วัน แต่ถ้าไม่พบก็ต้องตัดเป็นค่าใช้จ่าย 50-200 ล้านเหรียญสหรัฐ/หลุม
ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับปตท.ในฐานะบริษัทฯแม่ว่าจะพัฒนาแหล่งดังกล่าวอย่างไร อาทิ พัฒนาเป็นแอลเอ็นจีขายเข้าไทย หรือต่อท่อก๊าซฯขายในออสเตรเลีย เป็นต้น
ส่วนโครงการน้ำมันดิบมอนทาราคาดว่าจะผลิตได้ 2 หมื่นบาร์เรล/วันในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากแหล่งดังกล่าวเป็นน้ำมันคุณภาพดีทำให้มีราคาขายสูง 100-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่มีต้นทุนการผลิตและค่าเสื่อมราคาทำให้แทบไม่มีกำไร เพราะค่าเสื่อมจากโครงการดังกล่าวสูงมากถึง 88 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากการลงทุนในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุน้ำมันรั่ว แต่ก็เป็นโครงการที่สร้างกระแสเงินสดให้ปตท.สผ.มากในปีนี้ โดยปีหน้าจะเจาะหลุมสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อรักษาระดับการผลิตน้ำมันดิบไว้
โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่ามีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อรวมกับความสามารถในการระดมเงินกู้ ทำให้ฐานะการเงินมีความเข้มแข็งพร้อมที่จะลงทุนซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพดี เน้นการซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมในภูมิภาคเอเชียที่มีการผลิตอยู่แล้วเป็นสำคัญ
ส่วนแหล่งบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานลงใน 2565 หากรัฐจะเปิดให้เอกชนทั้งรายเดิมและรายใหม่เข้ามาประมูล แข่งขัน ทางปตท.สผ.ก็พร้อมที่จะแข่งขัน โดยบริษัทมีศักยภาพเหนือกว่าคู่แข่ง เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยอยากให้เร่งดำเนินการ เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถวางแผนการลงทุนได้ หากล่าช้าจะมีผลกระทบต่อการผลิตปิโตรเลียมในอนาคตได้
นางสาวเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(ปตท.สผ.) เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดมีปริมาณการขายปิโตรเลียมในครึ่งปีหลังนี้อยู่ที่ 3.3 แสนบาร์เรล /วัน เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกปี 2557 ที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 3.07 แสนบาร์เรล /วัน ทำให้ปริมาณการขายทั้งปีโตได้ 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA Margin)อยู่ที่ 70%
ปริมาณการขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้มาจากโครงการผลิตน้ำมันดิบมอนทารา ออสเตรเลียที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน จากเดิมที่ผลิตอยู่ 1.6 หมื่นบาร์เรล/วัน โครงการซอติก้า ที่เมียนมาร์ ได้มีการผลิตก๊าซฯป้อนให้ไทยแล้ว 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วันเมื่อช่วงส.ค.ที่ผ่านมา จากเดิมที่ผลิตป้อนในตลาดเมียนมาร์อยู่แล้ว 60 ล้านลบ.ฟุต/วัน โครงการผลิตปิโตรเลียมจากแหล่งไพลินและสินภูฮ่อมที่ปตท.สผ.ได้ซื้อกิจการมาจากHess Corp
ดังนั้นในปี 2558 บริษัทฯคาดว่าปริมาณการขายปิโตรเลียมจะโตขึ้นจากปีนี้กว่า 10% เนื่องจากรับรู้การผลิตเต็มปีจากโครงการซอติก้า โครงการมอนทารา โครงการผลิตน้ำมันดิบที่อัลจีเรีย และโครงการไพลินและสินภูฮ่อมที่ซื้อกิจการมาจากHess Corp
ส่วนราคาปิโตรเลียมในครึ่งปีหลังนี้คาดว่าใกล้เคียง 6 เดือนแรกของปี 2557 โดยราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ราคาน้ำมันดิบดูไบคาดว่าอยู่ที่ 100-104 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แม้ว่าบางช่วงราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความไม่สงบในยูเครนและอิรัก แต่ก็คงยืนระดับราคาสูงได้ไม่นานเพราะถูกกดดันจากโครงการShale Gas/Shale Oil ที่ค้นพบในสหรัฐฯ
นางสาวเพ็ญจันทร์ กล่าวต่อไปว่า ในไตรมาส 3 นี้จะได้ข้อสรุปผลการเจาะหลุมสำรวมแหล่งMaple East ที่ออสเตรเลียว่ามีปริมาณก๊าซฯหรือไม่ หากพบว่ามีจะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณสำรองก๊าซฯของแหล่งCash Maple จากเดิมที่มีปริมาณสำรองอยู่ 3 ล้านล้านลบ.ฟุต/วัน แต่ถ้าไม่พบก็ต้องตัดเป็นค่าใช้จ่าย 50-200 ล้านเหรียญสหรัฐ/หลุม
ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับปตท.ในฐานะบริษัทฯแม่ว่าจะพัฒนาแหล่งดังกล่าวอย่างไร อาทิ พัฒนาเป็นแอลเอ็นจีขายเข้าไทย หรือต่อท่อก๊าซฯขายในออสเตรเลีย เป็นต้น
ส่วนโครงการน้ำมันดิบมอนทาราคาดว่าจะผลิตได้ 2 หมื่นบาร์เรล/วันในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งราคาน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากแหล่งดังกล่าวเป็นน้ำมันคุณภาพดีทำให้มีราคาขายสูง 100-110 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่มีต้นทุนการผลิตและค่าเสื่อมราคาทำให้แทบไม่มีกำไร เพราะค่าเสื่อมจากโครงการดังกล่าวสูงมากถึง 88 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากการลงทุนในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุน้ำมันรั่ว แต่ก็เป็นโครงการที่สร้างกระแสเงินสดให้ปตท.สผ.มากในปีนี้ โดยปีหน้าจะเจาะหลุมสำรวจพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อรักษาระดับการผลิตน้ำมันดิบไว้
โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่ามีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อรวมกับความสามารถในการระดมเงินกู้ ทำให้ฐานะการเงินมีความเข้มแข็งพร้อมที่จะลงทุนซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมที่มีศักยภาพดี เน้นการซื้อกิจการแหล่งปิโตรเลียมในภูมิภาคเอเชียที่มีการผลิตอยู่แล้วเป็นสำคัญ
ส่วนแหล่งบงกชที่จะสิ้นสุดอายุสัมปทานลงใน 2565 หากรัฐจะเปิดให้เอกชนทั้งรายเดิมและรายใหม่เข้ามาประมูล แข่งขัน ทางปตท.สผ.ก็พร้อมที่จะแข่งขัน โดยบริษัทมีศักยภาพเหนือกว่าคู่แข่ง เนื่องจากเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยอยากให้เร่งดำเนินการ เพื่อให้ภาคเอกชนสามารถวางแผนการลงทุนได้ หากล่าช้าจะมีผลกระทบต่อการผลิตปิโตรเลียมในอนาคตได้