ชาวบ้านโวยจานด่วนย่องขึ้นเงียบ 5-10 บาท พ่อค้าแม่ค้าอ้างก๊าซแพง ตบหน้า “หนูณิชย์พาชิม” ที่ตั้งเป้าใช้ดึงราคาอาหารจานด่วนและลดค่าครองชีพให้ประชาชน เจ้าของร้านยันจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยได้รับช่วยเหลือวัตถุดิบราคาถูก เผยได้แค่ป้ายแผ่นเดียว “บุณยฤทธิ์” ยันยังไม่พบราคาสูงขึ้น เหตุวัตถุดิบส่วนใหญ่ลดลง ขู่ร้านไหนฉวยโอกาส เจอกฎหมายเล่นงาน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้ได้มีประชาชนเริ่มร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงพาณิชย์ผ่านสายด่วน 1569 ว่าราคาอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยร้านค้าได้อ้างว่าต้องรับภาระจากการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น หากไม่ปรับราคาก็อยู่ไม่ได้ โดยบางร้านได้ขยับราคาจาก 30-35 บาท เป็น 40-50 บาทต่อเมนู ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นราคาที่เป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เพราะขึ้นรวดเดียว 5-10 บาท
ทั้งนี้ การปรับขึ้นราคาดังกล่าวเป็นการปรับขึ้นสวนทางกับการวิเคราะห์ของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มกระทบต่อต้นทุนการปรุงอาหารสำเร็จรูปเพียงเล็กน้อย จึงไม่มีเหตุผลในการปรับขึ้นราคา แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่าพ่อค้าแม่ค้ากลับขึ้นราคาเกินไปกว่าการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มเป็นอย่างมาก
สำหรับการแก้ปัญหาอาหารจานด่วนขึ้นราคา กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันให้ร้านอาหารปรุงสำเร็จเข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิม เพื่อแก้ไขปัญหาอาหารจานด่วนมีราคาแพง และลดค่าครองชีพในการบริโภคอาหารให้ประชาชน โดยสถิติล่าสุดมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเกิน 1,000 ร้านค้า และมีแผนที่จะเปิดตัวในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา สงขลา สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ร้านหนูณิชย์พาชิมในต่างจังหวัดที่ตั้งเป้าเปิดในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเปิดตัว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการแจ้งไว้ว่ามีร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการมาแล้วเป็นจำนวนมาก
โดยร้านหนูณิชย์พาชิม กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าให้เป็นร้านจำหน่ายอาหารจานเดียว ที่มีราคาถูกไม่เกินเมนูละ 25-35 บาท เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพในการบริโภคอาหาร และจะช่วยเหลือร้านค้าทางด้านวัตถุดิบต่างๆ เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช เครื่องปรุงรส ในราคาถูกกว่าท้องตลาด และจะช่วยโฆษณาร้านค้าเพื่อให้ประชาชนมาบริโภค รวมทั้งตั้งใจให้ร้านหนูณิชย์ฯ เป็นตัวช่วยดึงราคาอาหารจานเดียวในพื้นที่โดยรอบไม่ให้ปรับราคาสูงขึ้น
น.ส.วิภาวรรณ เซี่ยงฉิน ร้านข้าวราดแกงย่านบึงกุ่ม ซึ่งเข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิม กล่าวว่า ยอดขายอาหารจานด่วนของที่ร้านจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจมากกว่า เพราะถ้าช่วงต้นเดือนลูกค้าจะมาก แต่ถ้ากลางเดือนลูกค้าจะบางตา ปกติขายอยู่ที่ 30-35 บาทต่อจาน แต่บางเมนูจะขาย 40 บาท ซึ่งราคานี้ขายมานานแล้ว โดยการเข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิมไม่ได้มีผลทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น แต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งหลังเข้าร่วมโครงการก็มีป้ายมาติดไว้ว่าเป็นโครงการหนูณิชย์พาชิม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุนวัตถุดิบราคาถูกให้แก่ร้านแต่อย่างใด
“ตอนนี้กังวลต้นทุนอาหารสด เช่น หมู ไก่ ผักสด และราคาก๊าซหุงต้ม นอกนั้นก็เป็นต้นทุนที่ดูแลควบคุมได้ แต่ก็ยินดีให้ความร่วมมือ”
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จากการสำรวจราคาอาหารปรุงสำเร็จในท้องตลาด ยังไม่พบความผิดปกติว่ามีการปรับราคาสูงขึ้น เนื่องจากขณะนี้วัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารมีราคาลดลง เช่น ผักสด เนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ประกอบกับได้มีโครงการหนูณิชย์พาชิม ซึ่งเป็นร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการขายอาหารจานด่วนในราคาแนะนำกับกรมฯ ซึ่งได้ช่วยแทรกแซงราคาอาหารในท้องตลาดไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น
“ตอนนี้มีร้านอาหารเข้าร่วมโครงการหนูณิชย์พาชิมจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลที่เกินเป้าหมายมากกว่า 1,000 ร้านค้า ส่วนร้านอาหารในท้องตลาดก็จะมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง หากร้านไหนมีฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาก็ระวังให้ดี เพราะหากพบว่ามีการปรับขึ้นไม่สมเหตุสมผล ก็พร้อมใช้กฎหมายจัดการ” นายบุณยฤทธิ์กล่าว