“ประจิน” ยันเดินหน้าสุวรรณภูมิเฟส 2 ตามแผนเดิมวงเงิน 6.25 หมื่นล. พร้อมตั้งคณะทำงานร่วมคมนาคม-ทอท.-ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ พิจารณากรณี ทอท.ปรับแผนสร้าง Multi-Function Terminal วงเงิน 2.4 หมื่นล.แทน สั่งให้ได้ข้อสรุปใน 7 วัน เผยยุทธศาสตร์ขนส่งทางอากาศปี 58 มีกรอบวงเงินลงทุนรวมทุกหน่วยงาน 2.4 หมื่นล. เน้นงานเร่งด่วนแก้ปัญหาการให้บริการทั้งระบบ ด้าน “อาคม” เตรียมลงพื้นที่แก้ปัญหาสนามบินเชียงใหม่ในสัปดาห์หน้า
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการ (Work Shop) แนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการคมนาคมขนส่งทางอากาศ ในวันนี้ (4 ต.ค.) ได้กำหนดกรอบแผนงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางอากาศ ระยะยาว 10 ปี โดยในปี 2558 จะมีงบลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์การขนส่งทางอากาศ วงเงินรวม 2.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะมีการเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการในแต่ละสนามบิน รวมถึงการควบคุมจราจรทางอากาศที่มีความปลอดภัยสูงสุด และบริการภาคพื้นที่มีความพร้อม และในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินจะต้องมีมาตรการที่รัดกุมในการรักษาความปลอดภัยในเขตสนามบินต่างๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การทำให้ประชาชนได้รับบริการ และความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางมากขึ้น โดยจะมีการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก และเร่งขยายขีดความสามารถของ 5 สนามบินหลัก เพื่อรองรับการเติบโตของผู้โดยสาร และเที่ยวบินได้ทัน คือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินภูเก็ต สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินกระบี่
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ยืนยันแผนการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะ 2 วงเงิน 62,503.214 ล้านบาท ตามแผนเดิม ซึ่งมี 7 แผนงาน เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 45 เป็น 60 ล้านคนต่อปี ไม่มีการชะลอ หรือยกเลิก แต่อาจจะมีการแบ่งเฟสการดำเนินงานใน 7 แผนงาน เป็น 2 หรือ 3 ระยะ เพื่อให้สอดคล้องต่อข้อจำกัดเรื่องเวลา และวงเงินลงทุน ส่วนกรณีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.เสนอแผนลงทุนพัฒนาขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ โดยการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ (Multi-Function Terminal) โดยใช้เงินลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาทแทนนั้น ทางกระทรวงคมนาคม จะตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความเหมาะสม โดยมีปลัดกระทรวงคมนาคม ที่ปรึกษารัฐมนตรีคมนาคม ผู้แทน ทอท.และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มาร่วมศึกษาพิจารณาว่าจะนำแผนงานมาร่วมกันได้อย่างไร โดยให้ได้ข้อสรุปภายใน 1 สัปดาห์
“ข้อเสนอ Multi-Function Terminal ของ ทอท.เป็นข้อมูลที่ดี แต่เนื่องจากเป็นแผนงานใหม่ จึงต้องตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อศึกษาผลกระทบ และดูความเป็นไปได้ว่าจะมีการปรับแผนร่วมกันได้อย่างไรหรือไม่ ซึ่งกระทรวงคมนาคม จะสรุปแผนการขนส่งทางอากาศภายใน 15 วัน เพื่อนำเสนอ ครม.ในปลายเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งหากการปรับปรุงแผนขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ไม่มีในส่วนของงานหลักก็เดินหน้าตามแผนเดิมไป แต่หากมีการปรับงานหลักก็ต้องเสนอ ครม.ใหม่” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
ส่วนการแก้ปัญหาสนามบินเชียงใหม่นั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะลงพื้นที่ในสัปดาห์หน้า เพื่อแก้ปํญหาจราจรที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ ทั้งความแออัดภายในสนามบิน ปัญหาเส้นทางเข้าออกสนามบิน และการจราจรในเมือง เพื่อไม่ให้เชียงใหม่ไม่เป็นอัมพาตในอนาคต
สนามบินกระบี่ ปัจจุบันเข้ามาช่วยรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศของสนามบินภูเก็ต ที่มีความแออัดมาก เนื่องจาซึ่งจะมีการแก้ปัญหาการเดินทางเชื่อมต่อทางถนนที่เชื่อมระหว่างสนามบินกระบี่-พังงา-ภูเก็ต ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ส่วนสนามบินภูเก็ต จะต้องเร่งขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารจาก 11 ล้านคนต่อปี เป็น 15-20 ล้านคนต่อปี โดยจะต้องพิจารณาในภาพรวมข้อจำกัดด้านทรัพยากร และผลกระทบสิ่งแวดล้อมของจังหวัดภูเก็ตประกอบด้วย เพื่อกำหนดแผนขยายรองรับจำนวนเที่ยวบินให้เหมาะสม
สนามบินดอนเมือง มีเป้าหมายขยายอาคารผู้โดยสารเพิ่มขีดความสามารถรองรับจาก 18 ล้านคนต่อปี เป็น 20 ล้านคนต่อปี และ 25-30 ล้านคนต่อปี ภายใน 3-4 ปี นอกจากนี้ จะมีการปรับปรุงการเดินทางเข้าออกสนามบินให้สะดวกมากขึ้น เช่น ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ แก้ปัญหาการจราจรถนนวิภาวดีขาออกหน้าสนามบินที่มีสภาพเป็นคอขวด ส่วนขาเข้ามีปัญหารถเมล์ รถแท็กซี่จอด 2 เลนซ้ายทำให้รถติด นอกจากนี้ จะมีการเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงกื เส้นทางสุวรรณภูมิ-พญาไท ซึ่งจะให้เริ่มต้นภายในปี 2558 และก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 2 ปี และในอนาคต จะมีการเชื่อมไปยังสนามบินอู่ตะเภา โดยเร็วๆ นี้ ทางคณะทำงานของกระทรวงคมนาคม ไปประสานงานกับกองทัพเรือ เพื่อหารือถึงการใช้ประโยชน์สนามบินร่วมกัน โดยจะยังคงความสำคัญในเรื่องความมั่นคง และภารกิจของกองทัพเรือเป็นหลัก และเสริมในเรื่องเชิงพาณิชย์เพื่อรองรับนโยบายในการให้การเดินทางทางอากาศเป็นทางเลือกของผู้โดยสาร
