ASTVผู้จัดการรายวัน-“ประจิน”เปิดกว้างรูปแบบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทุกรูปแบบ พร้อมพิจารณาข้อเสนอ ทั้ง PPP และจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund ) หากดีมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาเพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมาย พร้อมเรียกหน่วยงานคมนาคมประชุมทำ Action Plan ภาพรวม 27 ก.ย.นี้ ไม่เกิน 15 วัน รายละเอียดโครงการชัดเจน พร้อมคิกออฟ ตามนโยบายรัฐบาล
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายต่อหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม วานนี้ (22 ก.ย.) ว่า ได้หารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน โดยนำยุทธศาตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ระยะเวลา 8 ปี (ปี 2558 - 2565) ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาจัดทำเป็นแผนปฎิบัติ (Action Plan)รวมถึงนำยุทธศาสตร์ภายใต้พ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 มาเชื่อมโยงงบประมาณในแต่ละโครงการ เพื่อจัดทำ Action Plan เป็นงานเร่งด่วน งานระยะกลางและงานระยะยาว โดย Action Plan จะแล้วเสร็จในวันที่ 27 กันยายนนี้ จากนั้นจะมีการจัดทำเวิร์คชอปใน 3 ด้าน โดยการขนส่งทางบก เวิร์คชอบวันที่ 27 กันยายน งานด้านการขนส่งทางอากาศเวิร์คชอบในวันที่ 4 ตุลาคม งานด้านการขนส่งทางน้ำเวิร์คชอบวันที่ 11 ตุลาคม2557 จากนั้นจะชัดเจนเลยว่ามีงานอะไรบ้างที่เราจะคิกออฟ
ทั้งนี้ในด้านเทคนิคการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานไม่น่ามีปัญหาแต่อาจจะติดขัดบ้างในเรื่องของการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านสุขภาพ (EHIA) การเวนคืนที่ดิน และการหางบลงทุน ส่วนการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนจะเน้นในเรื่องการลงทุนก่อสร้างและการลงทุนนั้น ได้วางไว้ 4 แนวทาง คือ 1.การใช้งบประมาณภาครัฐ 2.เงินกู้ 3.การร่วมทุนกับเอกชน (PPP) และ4.การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund ) โดยแนวทางการจัดตั้งกองทุนฯ นั้น หากจะดำเนินการ ต้องมีการตั้งคณะทำงานจาก 3 ฝ่าย คือ กระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นแกนหลัก ร่วมกับกระทรวงการคลัง และตลาดทุนซึ่งจะเป็นผู้เสนอหรือเขียนแผนการทำงานที่จะสร้างรายได้และผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างไร ซึ่งพร้อมจะรับฟังข้อเสนอรูปแบบการลงทุนจากทุกฝ่าย หากจะมีการนำเสนอแนวทางอื่นๆ นอกเหนือเข้ามา ซึ่งหากสามารถทำให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายได้ก็จะรับไว้พิจารณา
หลักการจะดูข้อเสนอการลงทุนของเอกชนว่าจะเป็นรูปแบบใดจากนั้นจะนำมาพิจารณาศึกษา ส่วนโครงการใดที่ยังไม่มีผู้เสนอการลงทุนเข้ามา ในส่วนของรัฐก็จะพิจารณาลงทุนในเรื่องการสำรวจออกแบบเบื้องต้นและเตรียมเรื่องการเวนคืนที่ดินและติดต่อแหล่งเงินกู้ แต่หากมีผู้เสนอรูปแบบ PPP ที่เหมาะสมและดีกว่าก็จะเลือกใช้ PPP หรือหากเสนอจัดตั้งกองทุนฯ เข้ามา แล้วดีกว่าก็จะเลือกตั้งกองทุน คือจะเปิดกว้างให้เสนอมาได้ทุกรูปแบบการลงทุน โดยรัฐจะดำเนินการในเบื้องต้นไปคู่ขนาน
“ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ จะได้ภาพรวมของ Action Plan ทั้งหมด พร้อมทั้ง ทำเวิร์คชอปเพื่อลงรายละเอียดของงานด้านขนส่งทางบกด้วย และภายใน 2 สัปดาห์จากนั้นจะชัดเจนเลยว่ามีงานอะไรบ้างที่จะคิกออฟ มีอะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรค ซึ่งจะมีการรวบรวมข้อมูลและจัดตั้งคณะทำงานทำแนวทางการแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จใน 15 วัน คือภายในเดือนตุลาคมภาพการทำงานทั้งหมดจะเห็นภาพชัดเจน”พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยุทธศาตร์การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมนั้น มีเป้าหมายคือ จะสร้างโครงข่ายให้เชื่อมโยงภายในประเทศ เชื่อมโยงด่านชายแดนและเพื่อนบ้าน จากนั้นเป็นการเชื่อมต่อการคมนาคมทางน้ำ ทางอากาศ เพื่อเชื่อมต่อในภูภาคและในโลกเพื่อการติดต่อค้าขาย โดยมีเงื่อนไขในการสร้างโครงข่ายว่าต้องมี มาตรฐานตามสากล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้โดยสาร พนักงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและมีความสะดวกในการให้บริการ มีความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการตลอดเวลา ต้องประหยัดพลังงาน พาหนะที่ใช้จากนี้ไปถึงอนาคต ต้องประหยัดพลังงานและเป็น Green Technology เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ทำให้เกิดการจ้างแรงงาน ใช้ทรัพยากรในประเทศ และเกิดนวัตกรรม โดยยึดหลัก 3 ประการ คือ 1.ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.การเข้าใจ เข้าถึงพัฒนา3.ซื่อสัตย์โปร่งใส
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายต่อหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงคมนาคม วานนี้ (22 ก.ย.) ว่า ได้หารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน โดยนำยุทธศาตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ระยะเวลา 8 ปี (ปี 2558 - 2565) ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาจัดทำเป็นแผนปฎิบัติ (Action Plan)รวมถึงนำยุทธศาสตร์ภายใต้พ.ร.บ.งบประมาณปี 2558 มาเชื่อมโยงงบประมาณในแต่ละโครงการ เพื่อจัดทำ Action Plan เป็นงานเร่งด่วน งานระยะกลางและงานระยะยาว โดย Action Plan จะแล้วเสร็จในวันที่ 27 กันยายนนี้ จากนั้นจะมีการจัดทำเวิร์คชอปใน 3 ด้าน โดยการขนส่งทางบก เวิร์คชอบวันที่ 27 กันยายน งานด้านการขนส่งทางอากาศเวิร์คชอบในวันที่ 4 ตุลาคม งานด้านการขนส่งทางน้ำเวิร์คชอบวันที่ 11 ตุลาคม2557 จากนั้นจะชัดเจนเลยว่ามีงานอะไรบ้างที่เราจะคิกออฟ
ทั้งนี้ในด้านเทคนิคการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานไม่น่ามีปัญหาแต่อาจจะติดขัดบ้างในเรื่องของการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านสุขภาพ (EHIA) การเวนคืนที่ดิน และการหางบลงทุน ส่วนการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนจะเน้นในเรื่องการลงทุนก่อสร้างและการลงทุนนั้น ได้วางไว้ 4 แนวทาง คือ 1.การใช้งบประมาณภาครัฐ 2.เงินกู้ 3.การร่วมทุนกับเอกชน (PPP) และ4.การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund ) โดยแนวทางการจัดตั้งกองทุนฯ นั้น หากจะดำเนินการ ต้องมีการตั้งคณะทำงานจาก 3 ฝ่าย คือ กระทรวงคมนาคมซึ่งเป็นแกนหลัก ร่วมกับกระทรวงการคลัง และตลาดทุนซึ่งจะเป็นผู้เสนอหรือเขียนแผนการทำงานที่จะสร้างรายได้และผลตอบแทนให้กับนักลงทุนได้อย่างไร ซึ่งพร้อมจะรับฟังข้อเสนอรูปแบบการลงทุนจากทุกฝ่าย หากจะมีการนำเสนอแนวทางอื่นๆ นอกเหนือเข้ามา ซึ่งหากสามารถทำให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามเป้าหมายได้ก็จะรับไว้พิจารณา
หลักการจะดูข้อเสนอการลงทุนของเอกชนว่าจะเป็นรูปแบบใดจากนั้นจะนำมาพิจารณาศึกษา ส่วนโครงการใดที่ยังไม่มีผู้เสนอการลงทุนเข้ามา ในส่วนของรัฐก็จะพิจารณาลงทุนในเรื่องการสำรวจออกแบบเบื้องต้นและเตรียมเรื่องการเวนคืนที่ดินและติดต่อแหล่งเงินกู้ แต่หากมีผู้เสนอรูปแบบ PPP ที่เหมาะสมและดีกว่าก็จะเลือกใช้ PPP หรือหากเสนอจัดตั้งกองทุนฯ เข้ามา แล้วดีกว่าก็จะเลือกตั้งกองทุน คือจะเปิดกว้างให้เสนอมาได้ทุกรูปแบบการลงทุน โดยรัฐจะดำเนินการในเบื้องต้นไปคู่ขนาน
“ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ จะได้ภาพรวมของ Action Plan ทั้งหมด พร้อมทั้ง ทำเวิร์คชอปเพื่อลงรายละเอียดของงานด้านขนส่งทางบกด้วย และภายใน 2 สัปดาห์จากนั้นจะชัดเจนเลยว่ามีงานอะไรบ้างที่จะคิกออฟ มีอะไรที่เป็นปัญหาอุปสรรค ซึ่งจะมีการรวบรวมข้อมูลและจัดตั้งคณะทำงานทำแนวทางการแก้ปัญหาให้แล้วเสร็จใน 15 วัน คือภายในเดือนตุลาคมภาพการทำงานทั้งหมดจะเห็นภาพชัดเจน”พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ยุทธศาตร์การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมนั้น มีเป้าหมายคือ จะสร้างโครงข่ายให้เชื่อมโยงภายในประเทศ เชื่อมโยงด่านชายแดนและเพื่อนบ้าน จากนั้นเป็นการเชื่อมต่อการคมนาคมทางน้ำ ทางอากาศ เพื่อเชื่อมต่อในภูภาคและในโลกเพื่อการติดต่อค้าขาย โดยมีเงื่อนไขในการสร้างโครงข่ายว่าต้องมี มาตรฐานตามสากล เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้โดยสาร พนักงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและมีความสะดวกในการให้บริการ มีความสะดวกรวดเร็วในการใช้บริการตลอดเวลา ต้องประหยัดพลังงาน พาหนะที่ใช้จากนี้ไปถึงอนาคต ต้องประหยัดพลังงานและเป็น Green Technology เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชน ทำให้เกิดการจ้างแรงงาน ใช้ทรัพยากรในประเทศ และเกิดนวัตกรรม โดยยึดหลัก 3 ประการ คือ 1.ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2.การเข้าใจ เข้าถึงพัฒนา3.ซื่อสัตย์โปร่งใส
