xs
xsm
sm
md
lg

เสนอ ครม.“ระดมทุน-เวชภัณฑ์-อาสาสมัคร” คุมโรคอีโบลาประเทศต้นทาง 1 ต.ค.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข
“หมอรัชตะ” สั่งกรมควบคุมโรค คุมเข้มทั้งโรคติดต่อ และโรคเรื้อรัง เน้นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชน จ่อชงแผนควบคุมโรคอีโบลา ทั้งระดุมทุน เวชภัณฑ์ กำลังคน ช่วยเหลือประเทศระบาดต้นทางต่อ ครม. หลังนานาชาติเร่งระดมให้ความช่วยเหลือ เหตุบุคลากรไม่เพียงพอ

วันนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วย สธ. และเดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กรมควบคุมโรค (คร.) และกรมอนามัย โดยมีผู้บริหารกรมให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ ศ.นพ.รัชตะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ในส่วนของ คร. นั้น จะเน้นการดำเนินงานใน 2 เรื่อง คือ 1. โรคติดต่อ จะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งในการเฝ้าระวังโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ และการดูแลโรคติดเชื้อที่สามารถป้องกันได้หรือมีวัคซีนแล้ว และ 2. โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาระโรคของคนไทย และจะเพิ่มตามจำนวนผู้สูงอายุที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการดำเนินงานต้องเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ ทั้งอาหารและโภชนาการที่ไม่เหมาะสม การไม่ออกกำลังกาย รวมไปถึงการใช้สารเสพติดทั้งบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะต้องมีระบบเฝ้าระวังและสร้างเสริมสุขภาพ ซึ่งขณะนี้ คร. ก็มีระบบดังกล่าวแล้ว แต่จะต้องดำเนินการประสานและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ด้วย

“ส่วนการตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทาง (Excellence Center) ในการรักษาโรคต่างๆ นั้น ซึ่งจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ก่อนอื่นจะจะต้องมีการพิจารณาก่อนว่าจะต้องเพิ่มทรัพยากรในส่วนไหนบ้าง ซึ่งจะยังไม่เสนอ ครม. ในช่วงนี้” รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า สำหรับการตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ สบส. นั้น ที่เน้นคือการทำให้ประชาชนได้รับบริการจากการจัดระบบสุขภาพอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการอาศัยกลไกอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่มีอยู่กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ช่วยดูแลสุขภาพประชาชน

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวอีกว่า สำหรับประเด็นโรคติดเชื้ออีโบลานั้น เมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนและ นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. ได้เดินทางไปร่วมประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการประชุมวาระความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก (Global Health Security Agenda : GHSA) ร่วมกับผู้นำองค์กรสุขภาพโลก และนานาชาติกว่า 30 ประเทศ ที่ทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา ในการเร่งพัฒนาสมรรถนะในการป้องกันภาวะคุกคามจากโรคติดต่อและโรคติดต่ออุบัติใหม่ ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการควบคุมโรคอีโบลาใน 4 ประเทศแอฟริกาตะวันตก เนื่องจากปัญหาในการควบคุมโรคอีโบลา คือ ยังไม่มีบุคลากรที่เพียงพอในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่การป้องกันคือต้องไปดูแลที่ต้นตอ

ที่ประชุมมีมติแล้วว่า สหรัฐฯ จะสร้างโรงพยาบาลภาคสนามขนาด 1,700 เตียง และทหารกว่า 3,00 นาย ในการดูแลผู้ป่วย รวมไปถึงอังกฤษด้วย ส่วนบางประเทศขณะนี้ได้ส่งยา เวชภัณฑ์ เงิน และกำลังคนทั้งแพทย์ พยาบาล และนักระบาดวิทยา ไปช่วยเหลือแล้ว เช่น จีน คิวบา และ เยอรมนี ส่วนประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุน โดยจะนำเสนอแผนความช่วยเหลือแก่ประเทศต้นทางการระบาดของโรคแก่ ครม. พิจารณาในวันที่ 1 ต.ค. นี้ โดยเล็งที่จะระดมเงินบริจาค เวชภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการหารือกับทางสภากาชาดไทยก่อน รวมไปถึงการขนส่งทางอากาศ และอาสาสมัครด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ในการประชุมยังมีการหารือถึงการป้องกันควบคุมปัญหาเชื้อจุลชีพดื้อยาปฏิชีวนะด้วย ซึ่งกำลังเป็นปัญหาทั่วโลกในหลายโรค เช่น วัณโรค มาลาเรีย หนองใน เอชไอวี และไข้หวัดใหญ่ สธ. ได้แต่งตั้ง นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ นพ.โสภณ เป็นผู้ประสานงานหลักในการดำเนินงานเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มเภสัชกรจะเดินทางมายื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ ต่อ รมว.สาธารณสุข ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า คงต้องขอรับฟังก่อนว่ากลุ่มเภสัชกรมีความคิดเห็นอย่างไร จากนั้นจึงค่อยดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

นพ.โสภณ กล่าวว่า สถาบันบำราศนราดูร จะเป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการดูแลควบคุมโรคอีโบลาและโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่รักษาได้ยาก ส่วนสถาบันราชประชาสมาสัย สิ่จะดูแลในเรื่องผลกระทบและโรคที่เกิดจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่จะต้องมีการพัฒนาบุคลากรเพิ่มเติมต่อไปด้วย

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น