xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC จับมือบริษัทน้ำตาลรายใหญ่ หนุนไทยเป็นไบโอฮับในเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พีทีที โกลบอลฯ จับมือพันธมิตรบริษัทน้ำตาลรายใหญ่ของไทย ร่วมศึกษาการตั้งโครงการพัฒนาไบโอฮับ ดันไทยเป็นศูนย์กลางพลาสติกชีวภาพในภูมิภาคเอเชีย

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการความร่วมมือศึกษาการลงทุนพัฒนาไบโอฮับ (Biohub) ร่วมกับ บริษัทผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่ของไทย ประกอบด้วย บริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ซูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มน้ำตาลมิตรผล และ บริษัท คริสตอลลา จำกัด โดยบริษัทพันธมิตรจะร่วมกับบริษัทในการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งไบโอฮับ (Biohub) โดยจะใช้วัตถุดิบจากการเกษตรในการผลิตไบโอพลาสติก(พลาสติกชีวภาพ) เชื้อเพลิงชีวภาพ และผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพขึ้นในประเทศไทย สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพและเคมีชีวภาพ

วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม (Biohub) ในภูมิภาคเอเชีย จะเป็นประโยชน์ส่งเสริมเศรษฐกิจของไทยทั้งในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมไปพร้อมกัน โดยกรอบการศึกษาจะครอบคลุม โครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานโครงการ วัตถุดิบ การลงทุน และพื้นที่ของโครงการ โดยใช้ระยะเวลาศึกษาประมาณ 6-8 เดือน การสร้างไบโอฮับในประเทศไทยจะสร้างมูลค่าเพิ่มจากการใช้วัตถุดิบทางการเกษตรด้วยอุตสาหกรรมพลาสติก เชื้อเพลิงชีวภาพ และเคมีชีวภาพเพื่อต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมแปรรูปและอุตสาหกรรมปลายทาง นำไปสู่การจ้างงานและสร้างรายได้ให้ประเทศในภาพรวม ดึงดูดการลงทุนจากผู้พัฒนาและเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม

นายบวรกล่าวว่า บริษัทฯ ได้กำหนดทิศทางและกลยุทธ์ในการเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยคำนึงถึงความสมดุลใน 3 ด้าน คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม บริษัทได้ดำเนินธุรกิจด้านไบโอพลาสติกเและเคมีชีวภาพ โดยการเข้าไปถือหุ้นในบริษัทผู้ผลิตไบโอพลาสติกในอเมริกา และจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาขยายฐานการผลิตในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีความพร้อมด้านวัตถุดิบการเกษตรที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอพลาสติกเและเคมีชีวภาพ ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มของวัตถุดิบจากภาคเกษตรกรรมและยกระดับรายได้ของเกษตรกรไทย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพมีการพัฒนาอย่างมากในประเทศที่มีบทบาทในเศรษฐกิจโลก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น คาดว่าความต้องการพลาสติกชีวภาพของโลกจะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 1 ล้านตัน/ปี เป็น 3 ล้านตัน/ ปี ในปี 2563 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 1% ของความต้องการใช้เม็ดพลาสติกของโลก โดยคาดว่าในอีก 10-15 ปี โครงการ Biohub จะสามารถสร้างรายได้รวมแก่ประเทศได้มากกว่า 50,000-140,000 ล้านบาท เกิดการจ้างงานมากกว่า 28,000 คน และสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อีกประมาณ 227,000 ตันต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น