GPSC ยันคงเป้าเข้าตลาดหุ้นไตรมาส 1/58 แย้มเลื่อนเป้าหมายกำลังผลิตไฟฟ้าครบ 6,000 เมกะวัตต์ออกไป 2 ปีเป็นปี 2565 มีสัดส่วนพลังงานทดแทน 10% โดยจะซื้อกิจการหรือสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ เตรียมลุยลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินที่พม่า และอินโดนีเซีย
นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GPSC) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจไฟฟ้าในกลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 6,000 เมกะวัตต์จากเดิมในปี 2563 เป็นปี 2565 โดยมีสัดส่วนพลังงานทดแทนอยู่ 10% จากกำลังผลิตรวม 6,000 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ บริษัทยังคงเป้าหมายนำบริษัท GPSC เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในไตรมาส 1/2558 โดยจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าช่วงนั้นเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 เมกะวัตต์จากปัจจุบัน 1,825 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) สัดส่วน 25-30% ของทุนจดทะเบียน โดยมี บล.เคที ซีมิโก้, บล.ทิสโก้ และ บล.ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายสุรงค์กล่าวว่า กำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในอนาคตจะมาจากการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่และการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 1,000-2,000 เมกะวัตต์ อยู่บริเวณภาคตะวันออกของประเทศพม่า กำลังการผลิตไฟฟ้าบางส่วนจะขายไฟฟ้าให้กับประเทศไทย โดยโครงการนี้จะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมลงทุนโครงการนำร่องโรงไฟฟ้าถ่านหินปากเหมืองที่อินโดนีเซีย ขนาดกำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ โดยจะเจรจาขายไฟฟ้าที่ผลิตได้กับอินโดนีเซีย และทาง Sakari ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม ปตท.ที่ดำเนินธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียช่วงเดือน ต.ค.นี้
การรุกธุรกิจไฟฟ้าของ GPSC จะไปพร้อมกับกลุ่ม ปตท. โดยบริษัทฯ สนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซียของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล รวมทั้งโครงการโรงกลั่นและปิโตรเคมีในประเทศเวียดนาม รวมทั้งยังสนใจในธุรกิจเสริมที่ให้บริการด้านการจัดการพลังงาน (ESCO) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานให้กับบริษัทต่างๆ โดยลูกค้าเริ่มแรกจะเป็นบริษัทในเครือ ปตท. ทำให้ GPSC ไม่ใช่แค่บริษัทผลิตไฟฟ้าเท่านั้น แต่เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจพลังงานไฟฟ้า
วันนี้ (22 ก.ย.) GPSC ได้รับมอบรางวัล LEED CI Platinum in Thailand เป็นรายแรกของประเทศไทย โดยบริษัทได้มีการดูแลสภาพแวดล้อมให้ดีที่สุด โดยมีการออกแบบอาคารให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการสิ้นเปลืองพลังงานและน้ำ โดยมีการใช้ประโยชน์จากแสงสว่างธรรมชาติผสมผสานกับอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน โดยเลือกใช้หลอด LED แทนหลอดไฟฟ้าชนิดอื่นๆ ที่กินไฟสูง รวมทั้งตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ที่มาจากไม้ปลูกและรีไซเคิล เป็นต้น