xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็กโกกรุ๊ป” เจรจาดึง SCC ทำนิคมฯ ใช้ พท.โรงไฟฟ้าระยองหากไม่ได้ต่ออายุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอ็กโก กรุ๊ปเดินหน้าจ่อโรงไฟฟ้าในฟิลิปปินส์-ออสเตรเลียเพิ่ม คาดมีความชัดเจนปลายปีนี้ แย้มหากไม่ได้ต่ออายุโรงไฟฟ้าระยองก็เตรียมนำที่ดินดังกล่าวทำนิคมฯ โดยเจรจาดึงปูนซิเมนต์ไทยเข้าร่วมทุนด้วย หรือประมูลทำโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่

นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือเอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ โดยเน้นการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (Green Field) ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะขยายกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าถ่านหินมาซินลอค เฟส 2 ประเทศฟิลิปปินส์อีก 300-600 เมกะวัตต์ คาดว่ามีความชัดเจนในปลายปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมยื่นประมูลสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมโบโค ร็อค วินด์ ฟาร์มที่ออสเตรเลียเพิ่มอีก 30 กว่าเมกะวัตต์ในเดือนหน้า ใช้เงินลงทุนกว่า 60 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะรู้ผลในปลายปี 2557 จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังลมโบโค ร็อค กำลังผลิต 113 เมกะวัตต์ ที่จะแล้วเสร็จ ก.พ. 2558

อย่างไรก็ตาม การลงทุนธุรกิจไฟฟ้าใหม่นับจากนี้บริษัทฯ จะพิจารณาอย่างรอบคอบโดยดูฐานะการเงินมาประกอบด้วย เพื่อรักษาอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่สูงเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.5 เท่า จากปัจจุบันบริษัทมี D/E อยู่ที่ 0.6-0.7 เท่า เพราะขณะนี้บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างหลายโรง ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้

นายสหัสกล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาต่ออายุโรงไฟฟ้าระยองที่จะสิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในวันที่ 30 พ.ย. 57 หลังจากเดินเครื่องจักรมาครบ 20 ปีว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) ว่าจะต่ออายุโรงไฟฟ้าดังกล่าวหรือไม่ หากไม่ได้รับการต่ออายุโรงไฟฟ้า บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะนำที่ดินดังกล่าวมาใช้ประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่ จากเดิมที่เคยยื่นประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบ 3 กำลังผลิต 1,800 เมกะวัตต์เมื่อปี 2556 แต่ไม่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูล ขณะที่ตัวโรงไฟฟ้าเก่าก็อาจจะขายหรือย้ายไปลงทุนที่ประเทศพม่า เนื่องจากพม่ายังมีความต้องการใช้ไฟอีกมาก และโรงไฟฟ้าดังกล่าวก็ไม่มีต้นทุนค่าเครื่องจักรแล้ว

หรืออาจจะนำที่ดินโรงไฟฟ้าระยองมาพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาด 500 ไร่ โดยได้เจรจากับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) ซึ่งมีโรงงานอยู่แล้วไม่ห่างจากโรงไฟฟ้าระยอง โดยจะดึงมาร่วมทุนกันพัฒนานิคมฯ และสร้างโรงไฟฟ้า SPP เพื่อป้อนขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม โดยไฟฟ้าส่วนหนึ่งจะขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

“ถ้าเรกูเลเตอร์ไม่ต่อสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโรงไฟฟ้าระยอง โรงไฟฟ้าเก่านี้ก็จะขายหรือย้ายไปตั้งที่พม่าแทน ส่วนที่ดินก็มองว่าจะทำอะไรได้บ้าง เช่น รอประมูลสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีสายส่งพร้อมอยู่แล้ว หรือนำที่ดินทั้ง 500 ไร่มาพัฒนาเป็นนิคมฯ ใหม่ เพราะพื้นที่โดยรอบมีโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่แล้ว”

นายสหัสกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.53 หมื่นล้านบาท โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 9.55 พันล้านบาทซึ่งเป็นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังลมโบโค ร็อคฯ และโรงไฟฟ้าขนอมใหม่ ดังนั้นเงินลงทุนที่เหลืออยู่จะใช้ในโครงการโรงไฟฟ้า SPP โรงไฟฟ้าไซยะบุรี และอื่นๆ ตามแผนงานที่วางไว้ โดยไม่ได้รวมการลงทุนโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้สูงกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 1.28 หมื่นล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากการถือหุ้นโรงไฟฟ้ามาซินลอคที่ฟิลิปปินส์ ขนาดกำลังการผลิต 630 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าในปีนี้จะรับรู้รายได้ 18-20 ล้านเหรียญสหรัฐ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยด้วย ขณะที่รายได้จากโรงไฟฟ้าระยองในปีนี้น้อยมาก เนื่องจากใกล้สิ้นสุดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว หากไม่ได้รับการต่อสัญญาคาดว่าจะมีผลกระทบในปีหน้าเพียง 300 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น