“สิงห์” ดึง “Bain” จัดทัพธุรกิจใหม่ครั้งที่ 3 ในรอบ 80 ปี สู่ความเป็นโฮลดิ้งคอมปานีในอนาคต โฟกัส 5 กลุ่มธุรกิจเน้นร่วมทุนเป็นหลัก ปักธงญี่ปุ่นและประเทศในอาเซียนก่อน สู่เป้าหมายโตเป็นเท่าตัวสู่ 2 แสนล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า ส่วนไทยครึ่งปีหลังบุกหนัก โยกงบครึ่งปีแรกมาใช้ หลังพบครึ่งปีแรกกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ต่ำกว่าเป้า หวังทั้งปีกลุ่มนอนแอลกอฮอล์โต 10% ทะลุ 2 หมื่นล้านบาท
นายภูริต ภิรมย์ภักดี กรรมการ บริษัท สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ให้ทางบริษัท Bain & Company's ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาเป็นที่ปรึกษา มุ่งเน้นการวางยุทธศาสตร์ใน 5 กลุ่มธุรกิจสู่การลงทุนในอนาคต ในลักษณะการหาพาร์ตเนอร์ร่วมทุนให้กับบริษัท โดยหลังจากนี้สิงห์จะก้าวสู่ความเป็นโฮลดิ้งคอมปานี หรือบริษัทที่มีการประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้นในบริษัทอื่นเป็นหลัก และจะผนึกกำลังจากธุรกิจในเครือสร้างความแข็งแกร่งผ่านบริษัทที่เป็นลูกค้าของ Bain โดยทาง Bain จะเป็นผู้เลือกสรรให้ก่อน
ทั้งนี้ บริษัทต้องการร่วมทุนกับบริษัทที่เป็นผู้นำตลาดระดับท็อป 2 เท่านั้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม เบื้องต้นประเทศที่มองไว้คือญี่ปุ่นและประเทศในอาเซียน เพราะมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน ตั้งเป้าใน 5 ปีดันรายได้โตเป็นเท่าตัวหรือกว่า 2 แสนล้านบาท จากปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดขายที่ 1.1-1.2 แสนล้านบาท
ในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ “สิงห์” มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจทั้งกลุ่มในรอบ 80 ปีที่ผ่านมาจากทั้งหมด 5 กลุ่มธุรกิจหลักคือ 1.กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.กลุ่มธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ 3.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4.ธุรกิจผลิตขวด และ 5.กลุ่มธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตร จากโครงสร้างธุรกิจเดิมแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ โดยสัดส่วนรายได้หลักยังเป็นกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายภูริต กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินธุรกิจในประเทศพบว่าครึ่งปีแรกมีรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยกลุ่มเบียร์ไตรมาสแรกเติบโตเพียง 1% และกลุ่มสินค้านอนแอลกอฮอล์เติบโต 6-7% เท่านั้น เช่น โซดาตกลง 15% สาหร่ายมาชิตะ โต 5% จากเป้าหมายตั้งเป้า 12% ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังบริษัทกำลังพิจารณาโยกงบการตลาดที่ไม่ได้ใช้ไตรมาสแรกนำงบมาทำการตลาดมากขึ้น ทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์และจัดโปรโมชันในไตรมาส 3 เพื่อช่วงชิงกำลังการซื้อที่เริ่มฟื้นและทดแทนรายได้ในครึ่งปีแรกที่สูญเสียไป
ล่าสุดในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกในเดือน มิ.ย.ศกนี้ บริษัทเตรียมใช้กลยุทธ์กอริลลามาร์เกตติ้ง ด้วยงบ 40 ล้านบาท นำสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับสปอร์ตดริงก์ เครื่องดื่มเกลือแร่ “ซันโว” โปรโมชันชิงโชคแจกเงินทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 50,000 บาท และสัปดาห์สุดท้ายของบอลโลก แจก 5 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายซันโวให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นหลังจากครึ่งปีแรกแทบไม่เติบโต
ทั้งนี้ มั่นใจว่าเมื่อถึงสิ้นปีกลุ่มสินค้านอนแอลกอฮอล์จะเติบโตได้ 10% หรือมีรายได้ 2 หมื่นล้านบาทจากที่ผ่านมามีรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาท มาจาก 6 กลุ่มสินค้าหลัก คือ 1.กลุ่มน้ำดื่ม ประกอบด้วย โซดาตราสิงห์, เครื่องดื่มเกลือแร่ซันโว, น้ำแร่เพอร์ร่า และเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริงก์ บีอิ้ง 2.กลุ่มขนมขบเคี้ยวและอาหาร ประกอบด้วย สาหร่ายทอดกรอบมาชิตะ และข้าวพันธุ์ดี 3.กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ประกอบด้วย เอส 33 และไวน์ 33 4.กลุ่มเสื้อผ้าสิงห์ไลฟ์ 5.กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า และ 6.ธุรกิจดนตรี ศิลปิน