xs
xsm
sm
md
lg

ผลประโยชน์ไม่ลงตัว ทอท.ชะลอหารถเข็นกระเป๋าที่สุวรรณภูมิเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทอท.ยกเลิกเจรจา บ.เอพีฯ ให้จัดหารถเข็นกระเป๋าที่สุวรรณภูมิเพิ่มอีก 3,500 คัน “เมฆินทร์” เผยเอกชนอ้างเหตุพิจารณาช้าทำให้เหลือเวลาส่งมอบไม่ทัน, บริหารสัญญา 3 ปีเศษไม่คุ้มทุน ขณะที่ ทอท.ต้องการชะลอการลงทุนปี 57 เพื่อคุมค่าใช้จ่ายหลังผู้โดยสารเติบโตลดลง เหตุสถานการณ์ในประเทศไม่ยุติจึงชะลอไปก่อน เปิดข้อมูล ทอท.สุดเสียเปรียบ เหตุเอกชนขอเพิ่มค่าจ้างและพ่วงขยายสัญญาเดิมให้สิ้นสุดพร้อมกันใน 7 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมรถเข็นยังไม่ครบจำนวนจึงแก้เกี้ยวล้มโต๊ะเจรจา

นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดหารถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติมจำนวน 3,500 คันใหม่ จากเดิมที่ให้เจรจากับผู้รับสัญญารายเดิมดำเนินการจัดหารถเข็นกระเป๋าเพิ่มเติม โดยให้สัญญาสิ้นสุดพร้อมกับสัญญาจ้างบริหารเดิมซึ่งเหลืออีกประมาณ 3 ปีครึ่ง แต่จากการประเมินล่าสุดพบความเสี่ยงที่เอกชนอาจจะจัดหาให้ไม่ได้ เนื่องจากเวลาในการจัดหาน้อย อาจส่งรถไม่ทัน เวลาที่เหลือไม่คุ้มค่า ประกอบกับขณะนี้เป็นช่วง Low Season และมีการชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพฯ ทำให้จำนวนผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเติบโตน้อยกว่าที่คาดไว้ ในขณะที่การหารายได้เพิ่มในท่าอากาศยานภูมิภาคไม่ราบรื่นเพราะมีเรื่องภัยพิบัตและก่อการร้ายเป็นปัจจัยลบ ส่งผลให้การเติบโตของรายได้และกำไรของ ทอท.ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ดังนั้น จึงต้องปรับแนวทางการบริหารโดยลดค่าใช้จ่ายที่ยังไม่จำเป็นของทุกท่าอากาศยานลง 5-10% และเลื่อนการลงทุนเพิ่มบางส่วนไปเป็นปีงบประมาณ 2558 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคม 2557 แทนเพื่อรักษาระดับรายได้และกำไรปี 2557 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

จึงเห็นว่าการจัดหารถเข็นกระเป๋าเพิ่มยังไม่จำเป็นต้องเร่งรีบมากนัก จึงให้ยกเลิกเจรจากับรายเดิมเนื่องจากยังไม่ได้มีการลงนามในสัญญากันแต่อย่างใด และใช้วิธีเปิดประมูลจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่ คาดว่าจะใช้เวลา 3-4 เดือนจะได้รถเข็นกระเป๋าเพิ่มมาให้บริการภายในปีนี้รองรับฤดูท่องเที่ยวช่วงปีพอดี หลักการคือต้องมีการแข่งขันราคากันอย่างเต็มที่ หากจะใช้วิธีพิเศษจะคัดเลือกเอกชนผู้ผลิตระดับพรีเมียมเข้ามาแข่งขันราคาเพื่อได้รถเข็นกระเป๋าที่มีคุณภาพดี

“ในระหว่างนี้จะใช้วิธีการบริหารจัดการรถเข็นกระเป๋าที่มีอยู่ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการให้บริการ เพราะถ้าฝืนทำสัญญากับรายเดิมแล้วส่งรถให้ไม่ทันเวลาจะเป็นปัญหา ประเมินข้อมูลตอนนี้ยังพอไหว ซึ่งเรื่องการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มนั้นเป็นแผนเดิมก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งเอ็มดีมีการเสนอให้เจรจากับคู่สัญญาเดิมและบอร์ด ทอท.อนุมัติในหลักการไปแล้ว แต่เมื่อได้พิจารณาข้อมูลพบสัญญาณหลายอย่างที่อาจเป็นปัญหาก็ยกเลิกเจรจาได้ ยืนยันว่าในปีนี้จะมีรถเข็นกระเป๋าเพิ่ม เพราะปลายปีคาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะกลับเพิ่มมากขึ้น ได้ประโยชน์ทั้งเอกชน และ ทอท.” นายเมฆินทร์กล่าว

โดย ทอท.มีแผนการจัดหารถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติมจำนวน 3,500 คัน แบ่งเป็นรถขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 1,500 คัน เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีรถเข็นกระเป๋าอยู่แล้ว 9,034 คัน โดยบริษัท เอพี เมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานให้บริการระยะเวลา 7 ปี สิ้นสุดปี 2560 วงเงิน 566,244,000 บาทนั้นประกอบด้วย รถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 7,000 คัน และขนาดใหญ่ 34 คัน รองรับผู้โดยสารที่ 45 ล้านคนต่อปี แต่มีการตรวจพบการดำเนินงานของผู้รับสัมปทานเดิมว่ายังมีปัญหาบกพร่อง รถไม่ครบตามจำนวน ซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา ซึ่งรถจำนวน 9,034 คัน รองรับผู้โดยสารที่ 45 ล้านคนต่อปี ขณะที่ปี 2556 ที่ผ่านมาสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารกว่า 50 ล้านคน

ทั้งนี้ บ.เอพีฯ ได้ทำหนังสือถึง ทอท. เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 55 เสนอขอเพิ่มรถเข็นกระเป๋า 3,500 คันดังกล่าว ซึ่ง ทอท.เห็นด้วยเพราะผู้โดยสารในขณะนั้นเพิ่มขึ้นมาก ทางคณะทำงานสุวรรณภูมิจึงทำเรื่องเสนอบอร์ด ทอท.เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2556 เห็นชอบแผนแก้ไขสัญญาจ้างบริหารรถเข็นกระเป๋า 3,500 คันในปีงบประมาณ 57 (ต.ค. 56-ก.พ. 60) รวม 3 ปี 5 เดือน วงเงิน 92.739 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 15 สิงหาคม 56 บ.เอพีฯ ได้ทำหนังสือเสนอราคาค่าบริการรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็กไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 16.75 บาทต่อคันต่อวัน ขนาดกลางราคา 25 บาทต่อคันต่อวัน บริการตั้งแต่ 24 ตุลาคม 56-24 กุมภาพันธ์ 60 ซึ่งบอร์ด ทอท.ได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 57 ให้ ทอท.แก้ไขสัญญาจ้างบริหารรถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สัญญาเลขที่ 6CS4-531016 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 52 โดยเพิ่มรถขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 1,500 คัน กำหนดส่งมอบใน 60 วันนับจาก บ.เอพีฯ ได้รับแจ้ง

ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 57 บ.เอพีฯ ได้ทำหนังสือถึง ทอท.ทวงถามความคืบหน้า โดยระบุว่าการพิจารณาล่าช้าทำให้เหลือเวลาในการจัดหาเพียง 33 เดือน ในขณะที่ต้องส่งมอบรถใน 60 วัน อีกทั้งอัตราแลกเปลี่ยนทั้งสกุลดอลลาร์สหรัฐและยูโรเพิ่มขึ้นกระทบต่อการลงทุนของบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ตามเดิม จึงเสนอขยายเวลาบริหารรถ 3,500 คัน เป็น 7 ปีในอัตราเดิม และขยายสัญญารถเข็น 9,034 คันให้หมดพร้อมกันซี่งจะทำให้มีรถเข็นรวม 12,534 คัน และขอปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำพนักงานบริษัทตามมติ ครม.ด้วย ซึ่งคณะกรรมการตรวจการจ้างฯ ทอท.เห็นว่า ทอท.ได้แจ้งผลการพิจารณากับบริษัทมาตลอดซึ่งบริษัทไม่ได้โต้แย้งใดๆ จึงไม่รับข้อเสนอ

บ.เอพีฯ จึงมีหนังสืออีกฉบับ ลงวันที่ 8 เมษายน 57 ยืนยันส่งมอบรถใน 60 วันไม่ทัน ขอขยายเวลาเป็น 120 วัน และเพิ่มค่าบริการรถขนาดเล็กเป็น 25.13 บาทต่อคันต่อวัน ขนาดกลาง 39.25 บาทต่อคันต่อวัน หาก ทอท.ไม่สามารถรับราคาได้ขอขยายเวลาบริหารเป็น 7 ปี ทอท.จึงสรุปว่ายกเลิกการแก้ไขสัญญาดังกล่าว โดยอ้างถึงจำนวนผู้โดยสารที่สุวรรณภูมิมีการเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยตุลาคม 56-กันยายน 57 คาดว่าจะลดลง 5.85% เทียบกับปีก่อน ผู้โดยสารรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ไม่เพิ่มขึ้นตามที่คาด รถที่มี 9,034 คันยังเพียงพอ


กำลังโหลดความคิดเห็น