ทอท.จ่อเจรจา บ.เอพีฯ จัดหารถเข็นกระเป๋าที่สุวรรณภูมิเพิ่มอีก 3,500 คัน “เมฆินทร์” เผยผลศีกษาระบุให้รายเดิมจัดหาคุ้มที่สุด ชี้ต้องการรถเข็นกระเป๋าเพิ่มและสภาพใหม่ ราคาไม่แพง เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีกว่า 50 ล้านคนต่อปี คาดเสนอบอร์ดได้ใน เม.ย.นี้ พร้อมเร่งปรับ TOR ประมูลติดตั้งระบบ APPS คัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า เน้นเปิดกว้างแข่งขันได้ทุกราย
นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดหารถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติมว่า ทอท.ได้ทำการศึกษาเพื่อปรียบเทียบระหว่าง 3 แนวทาง คือ 1. จัดซื้อและบริหารจัดการเอง 2. เช่าใช้และจ้างบริษัทเอกชนบริหารจัดการเป็นเวลา 7 ปี หรือ 3. ให้ผู้รับสัญญารายเดิมจัดหารถเข็นกระเป๋าเพิ่มเติม โดยให้สัญญาสิ้นสุดพร้อมกับสัญญาจ้างบริหารเดิม โดยพบว่าแนวทางที่ 3 มึระยะการเช่าที่สั้น ราคาต่ำกว่่า ได้รถเข็นกระเป๋าใหม่เพิ่ม และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงสุด
ทังนี้ หากเลือกแนวทางที่ 3 จะต้องพิจารณาในประเด็นที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมสัญญาเดิม ซึ่งฝ่ายบริหารจะสรุปรายละเอียดเพื่อเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.พิจารณาอนุมัติได้ภายในเดือนเมษายนนี้
“เรื่องการจัดหารถเข็นกระเป๋าที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่มนั้นเป็นแผนเดิมก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งเอ็มดี ทอท. ซึ่งมีการเสนอวิธีการเช่าโดยต่อรองกับคู่สัญญารายเดิม ซึ่งเมื่อได้พิจารณาข้อมูลเบื้องต้นแล้วจึงได้มอบหมายให้ฝ่ายบริหารที่รับผิดชอบศึกษาเปรียบเทียบใน 3 แนวทาง และเลือกแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งแม้จะพบว่าการเข้าโดยเจรจากับรายเดิมเหมาะสมที่สุด แค่จะต้องเสนอขอความเห็นชอบต่อบอร์ดก่อน” นายเมฆินทร์กล่าว
โดย ทอท.มีแผนการจัดหารถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติมจำนวน 3,544 คัน แบ่งเป็นรถขนาดใหญ่ 44 คัน ขนาดกลาง 2,000 คัน ขนาดเล็ก 1,500 คัน เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่รถเข็นกระเป๋าที่มีในปัจจุบัน 9,034 คันมีการชำรุดและต้องซ่อมแซมบ้าง ซึ่งนอกจากต้องการรถเพิ่มมากขึ้นแล้วยังต้องการรถที่มีสภาพใหม่ด้วย
สำหรับบริการรถเข็นกระเป๋า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจำนวน 9,034 คัน มีบริษัท เอพี เมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานให้บริการระยะเวลา 7 ปี สิ้นสุดปี 2560 วงเงิน 566,244,000 บาทนั้น ประกอบด้วยรถเข็นกระเป๋าขนาดเล็ก 2,000 คัน ขนาดกลาง 7,000 คัน และขนาดใหญ่ 34 คันรองรับผู้โดยสารที่ 45 ล้านคนต่อปี แต่ปัจจุบันจะต้องมีการจัดหาเพิ่มเติมเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งเดิมกำหนดจำนวน 9,034 คัน รองรับผู้โดยสารที่ 45 ล้านคนต่อปี ขณะที่ปี 2556 ที่ผ่านมาสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารกว่า 50 ล้านคนแล้ว
ส่วนความคืบหน้าการติดตั้งระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger processing System : APPS) นายเมฆินทร์กล่าวว่า ภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้การทบทวนปรับแก้ TOR เพื่อให้มีเงื่อนไขที่เปิดกว้างให้ผู้ให้บริการ (Service Provider) ทุกรายสามารถเข้าร่วมประมูลแข่งขันได้จะแล้วเสร็จ จากนั้นจะเชิญผู้ให้บริการเข้ารับฟังเงื่อนไขเพื่อยืนยันว่า TOR เปิดกว้างจริง คาดว่าจะสามารถเปิดประมูลและคัดเลือกผู้ติดตั้งระบบและให้บริการได้ภายในกันยายน 2557 จากนั้นจะใช้เวลาติดตั้งประมาณ 3 เดือน ซึ่งระหว่างนั้น ทอท.จะต้องไปยังสายการบินต่างๆ ให้รับทราบเพื่อเตรียมพร้อมด้วย
โดยในเฟสแรกจะเร่งติดตั้งและให้บริการใน 2 สนามบินหลัก คือ สุวรรณภูมิ และภูเก็ตก่อน เนื่องจากเป็นพรีเมียมแอร์พอร์ต ส่วนระยะที่ 2 จะดำเนินการใน 4 สนามบินที่เหลือ คือ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย หาดใหญ่ ซึ่งคณะกรรมการการบินพลเรือน (กบร.) ได้เห็นชอบกรอบอัตราค่าธรรมเนียมเพดานสูงสุดไม่เกิน 50 บาทต่อคนต่อเที่ยว
สำหรับระบบ APPS เป็นระบบแจ้งรายละเอียดข้อมูลของผู้โดยสารที่จะต้องถูกส่งไปตรวจสอบล่วงหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลายทางเป็นรายบุคคล แล้วหน่วยงานปลายทางที่เกี่ยวข้องจะแจ้งผลการตรวจสอบกลับไปยังเคาน์เตอร์ที่ผู้โดยสาร check-in ทันทีว่าอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เข้าประเทศ โดย ทอท.ตั้งกรอบราคากลางไว้ที่ 8,313.9 ล้านบาท และเคยขายซองประมูลไปแล้วครั้งหนึ่ง มีผู้สนใจซื้อซองประมูล 8 รายแต่ยื่นประมูลเพียงรายเดียว คือ กลุ่ม บริษัท สามารถคอมเทค จำกัด ทอท.จึงต้องขยายเวลาการพิจารณาออกไป