xs
xsm
sm
md
lg

ผู้รับเหมาร้อง รฟม.สองมาตรฐานล็อกสเปกประมูลสายสีเขียว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประมูลสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) วุ่น บมจ.ยูนิคฯ ร้อง รฟม.กำหนดคุณสมบัติหลักเกณฑ์ประมูลสองมาตรฐาน เข้าข่ายกีดกันให้มีผู้ยื่นแข่งขันได้น้อยราย ไม่ทบทวน จ่อชง ป.ป.ช.ตรวจสอบ วงในเชื่อหลักเกณฑ์เปิดกว้างจริง แต่แอบล็อกสเปกเอื้อบางรายได้ จับตาบอร์ด รฟม. 22 พ.ค.นี้ยืนตามเงื่อนไขเดิม

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า กรณีที่ รฟม.ต้องเลื่อนการยื่นเอกสารประกวดราคางานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ออกไปจากเดิมที่กำหนดให้ยื่นวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมานั้น นอกจากมีเอกชนซื้อเอกสารจำนวนมากถึง 31 รายจึงทำให้มีคำถามข้อสงสัยเข้ามาที่ รฟม.จำนวนมากทำให้ชี้แจงไม่ทันแล้ว ยังมีประเด็นที่บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร้องเรียนว่า การกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขด้านเทคนิคในบางสัญญามีลักษณะกีดกันให้มีผู้ยื่นแข่งขันได้น้อยราย ซึ่งบอร์ดได้ให้ รฟม.รับไปดำเนินการแล้ว โดยยืนยันหลักการจัดทำทีโออาร์ที่พยายามเปิดกว้างให้มีเอกชนมากรายเข้าร่วมแข่งขันได้

แหล่งข่าวจาก รฟม.กล่าวว่า ทาง บมจ.ยูนิคฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนว่า รฟม.กำหนดคุณสมบัติผู้เสนอราคาไม่เป็นธรรม โดยหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการประกวดราคา และการให้คะแนนที่กำหนดรายได้เฉลี่ยจากการก่อสร้างของผู้เสนอราคาย้อนหลัง 3 ปีไม่อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน โดยสัญญาที่ 1 งานโยธา ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ มูลค่างาน 14,021 ล้านบาท กำหนดรายได้เฉลี่ยจากการก่อสร้างของผู้เสนอราคาย้อนหลัง 3 ปีที่ 10,000 ล้านบาท สัญญาที่ 2 งานโยธา ช่วงสะพานใหม่-คูคต มูลค่างาน 6,126 ล้านบาท กำหนดรายได้ย้อนหลัง 3 ปีที่ 5,000 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ก่อสร้างงานโยธา ศูนย์ซ่อมบำรุงรักษาและอาคารจอดรถ มูลค่างาน 3,709 ล้านบาท กำหนดรายได้ย้อนหลัง 3 ปีที่ 2,000 ล้านบาท และสัญญาที่ 4 งานออกแบบ จัดหาและติดตั้ง งานระบบรางรถไฟฟ้า มูลค่างาน 2,609 ล้านบาท กำหนดรายได้ย้อนหลัง 3 ปีที่ 2,000 ล้านบาทนั้นไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

เนื่องจากสัญญาที่ 1 กำหนดรายได้ย้อนหลัง 3 ปีที่ 10,000 ล้านบาท หรือเท่ากับ 2.5 เท่าของมูลค่างาน ดังนั้น สัญญาที่ 2, 3, 4 ควรกำหนดรายได้ย้อนหลัง 3 ปีที่ 4,000 2,500 และ 2,000 ล้านบาท ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังกำหนดหลักการให้คะแนนเต็มสำหรับมูลค่างานในส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไปไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันด้วย ทั้งนี้ได้มีการกำหนดให้มีการออกหนังสือรับรองการให้เครดิตของธนาคารและหนังสือค้ำประกันของธนาคารซึ่งบ่งถึงความสามารถทางการเงินของผู้เสนอราคาที่ผ่านการกลั่นกรองของธนาคารซึ่งมีระบบกลั่นกรองเครดิตลูกค้าดีอยู่แล้ว การกำหนดหลักการให้คะแนนสำหรับมูลค่าในส่วนของผู้ถือหุ้นจึงไม่จำเป็น อีกทั้งบริษัทรับเหมาไทยที่มีมูลค่าในส่วนของผู้ถือหุ้นเฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังมากกว่า 2,500 ล้านบาทขึ้นไปมีเพียง 3 รายเท่านั้น คือ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์, บมจ. ช.การช่าง และ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จึงเป็นเหตุให้เชื่อว่าเป็นการเอื้อประโยชน์บางรายและกีดกันรับเหมารายอื่นๆ ที่มีความสามารถทำงานเสียโอกาส เป็นการจัดแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม หรือกีดกันผู้เสนอราคาบางรายไม่ให้เข้าเสนอราคาได้ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 ดังนั้นจึงขอให้ทบทวนแก้ไขประกาศประกวดราคาดังกล่าว มิฉะนั้นจะร้องขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบ

ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีในวงการผู้รับเหมาว่า การประมูลโครงการขนาดใหญ่ โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่มีมูลค่างานสูงหลายพันล้านบาท บางสัญญากว่าหมื่นล้านบาทนั้น ย่อมมีการแข่งขันสูง และปัจจุบันมีการเปิดกว้างให้บริษัทต่างชาติเข้าประมูลได้โดยร่วมทุนกับบริษัทไทย ในขณะที่การจัดสรรเพื่อแบ่งผลประโยชน์ในแต่ละกลุ่มที่มีส่วนได้ส่วนเสียมีมานานแล้ว โดย รฟม.ยืนยันกำหนดคุณสมบัติ และเงื่อนไขด้านเทคนิคเปิดกว้างเต็มที่ ไม่ปิดกั้นหรือเอื้อให้รายใดรายหนึ่งให้เข้าร่วมได้หรือเข้าร่วมไม่ได้แน่นอน

ซึ่งกรณีคุณสมบัติและหลักการให้คะแนนของการประมูลสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) 4 สัญญาที่ บมจ. ยูนิคฯ ร้องเรียนนั้นมีความซับซ้อนและมีความเป็นไปได้ที่จะผูกพันมาจากการประมูลสายสีเขียว (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ซึ่งทาง บมจ.ช.การช่างเป็นผู้รับงานทั้งสัญญางานโยธาและสัญญาวางราง ส่วนทาง บมจ.อิตาเลียนไทยฯ ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยัง พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคมในขณะนั้นแต่ไม่เป็นผล จึงต้องจับตากันต่อไปว่า สัญญา 1 ที่มีมูลค่างานสูงที่สุดจะเป็นของผู้รับเหมารายใด

นอกจากนี้ กรณีที่กำหนดผลงานมูลค่าสูงโดยอ้างเป็นการเปิดกว้างให้ร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติได้นั้น ผู้รับเหมาไทยมีความกังวลมากเพราะมีกรณีตัวอย่างจากการประมูลสายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่มีการร่วมทุนกับบริษัทจีนแล้วเกิดปัญหาเข้าข่ายฮั้ว เพราะบริษัทจีนส่วนใหญ่มีรัฐบาลถือหุ้นเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่อยากเสี่ยงที่จะร่วมทุนกับบริษัทจีน อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงที่ รฟม.จะยืนยันตามหลักเกณฑ์เดิม โดยบอร์ด รฟม.จะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น