“คำรณวิทย์” ยอมรับต้องชะลอสรรหา ผอ.กทท. อ้างรอแก้ปัญหาสะสมภายในองค์กรให้เรียบร้อยก่อน ทั้งพนักงานฟ้องเรียกค่าโอที ส่วย เพื่อให้ ผอ.คนใหม่เข้ามาพัฒนาองค์กรได้เต็มที่ ด้านรักษาการ ผอ.กทท.เผยวางเงิน 380 ล้านบาทตามคำสั่งศาลแล้ว ระบุปรับจ่ายโอทีรายชั่วโมงแล้ว เชื่อไม่มีฟ้องเพิ่มอีก แต่ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 20 ล้านบาทต่อปี
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า การสรรหาผู้อำนวยการ กทท.ที่ก่อนหน้านี้เปิดรับสมัครไปแล้ว 3 ครั้งแต่มีผู้สนใจน้อย ซึ่งอาจจะต้องชะลอไปอีกสักระยะเพื่อเร่งแก้ปัญหาภายในองค์กรให้เรียบร้อยก่อน เช่นประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ ที่นำไปสู่การฟ้องร้องของพนักงานปัญหาเรื่องส่วย เป็นต้น เพื่อให้ผู้อำนวยการคนใหม่นั้นสามารถเข้ามาทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนพัฒนา กทท.ให้เติบโตไปข้างหน้าทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาในการแก้ปัญหาเก่าที่สะสมมานาน
“ผมคิดว่าอีกไม่นานจะแก้ปัญหาได้จบหมด เช่นกรณีพนักงานฟ้องร้องค่าโอทีก็ได้ข้อยุติไประดับหนึ่งแล้ว แต่ผมต้องการให้สถานการณ์นิ่งกว่านี้อีกหน่อย โดยจะมีการหารือกันในบอร์ดด้วย ส่วนคุณสมบัติการสรรหา ผอ.กทท.นั้นเบื้องต้นไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนใดๆ” พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว
ด้านเรือเอก อิทธิชัย สุพรรณกุล รอง ผอ.สายบริหารทรัพยากรบุคคลและการเงินในฐานะรักษาการ ผอ.กทท.กล่าวว่า กทท.ได้มีการประกาศรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็น ผอ.กทท.แล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1, 2 ไม่มีผู้ยื่นใบสมัคร ส่วนครั้งที่ 3 มีผู้สมัคร 3 คน แต่ไม่ผ่านเงื่อนไขคุณสมบัติทั้งหมด ทั้งนี้เงื่อนไขคุณสมบัติผู้สมัครรับการสรรหา ผอ.กทท.นั้นจะต้องเป็นผู้บริหารในระดับรองผู้อำนวยการหรือรองอธิบดีของหน่วยงาน และต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปีขณะดำรงตำแหน่ง
สำหรับกรณีพนักงานฟ้องร้องเรียกค่าล่วงเวลา (โอที) จาก กทท.นั้น เรือเอก อิทธิชัยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2557 ศาลฎีกา แผนกคดีแรงงานได้มีคำพิพากษาให้ กทท.จ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 380 ล้านบาทนั้น กทท.ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปวางไว้ที่ศาลแล้วตามคำพิพากษา เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2557 ซึ่งยังเหลือคดีที่ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลอีกเนื่องจากพนักงานทยอยฟ้องเป็นกลุ่มๆ คิดมูลฟ้องเป็นเงินหลักพันล้านบาท ซึ่งต้องรอศาลพิพากษาต่อไป โดยคำพิพากษาของศาลในกลุ่มหลังๆ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟ้องน้อยลงขณะที่จะเป็นประโยชน์ต่อ กทท.มากขึ้น แม้เป็นเรื่องเดียวกันแต่เป็นการฟ้องต่างเวลากัน และคำพิพากษาในคดีที่ผ่านมาแล้วจะไม่ผูกพันกับคดีที่เหลือ และคำพิพากษาจะต่ำกว่ามูลฟ้องค่อนข้างมากจึงไม่กระทบต่อการเงินของ กทท.
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะไม่มีกรณีพนักงานฟ้องร้องเรียกค่าโอทีอีกแล้วเนื่องจาก กทท.ได้จ่ายค่าโอทีเป็นรายชั่วโมงตามระเบียบตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นมา ส่วนปัญหาการฟ้องร้องที่ผ่านมานั้น เป็นเพราะ กทท.จ่ายค่าโอทีแบบเหมาซึ่งเป็นข้อตกลงตามสภาพการจ้างและดำเนินการมาตั้งแต่เปิดให้บริการท่าเรือ ซึ่งยอมรับว่าการปรับมาจ่ายโอทีรายชั่วโมงทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนของโอทีเพิ่มขึ้นประมาณ 30-40% หรือประมาณ 20 ล้านบาทต่อปี โดยท่าเรือกรุงเทพมีค่าโอทีมากที่สุดประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี
นอกจากนี้ วันนี้ (23 เม.ย.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เป็นประธานในการลงนามในบันทึกข้อตกลงการให้บริการรักษาพยาบาลระหว่าง กทท. กับโรงพยาบาลตำรวจ ระหว่างเรือเอก อิทธิชัย รักษาการ ผอ.กทท.และ พล.ต.ท.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้การรักษาพยาบาลแก่พนักงาน พนักงานบำนาญของ กทท. และครอบครัวซึ่งอาจเกิดการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุต่างๆ ทั้งนี้ การดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวยังเป็นไปตามมาตรการเกี่ยวกับความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานของ กทท. และสอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก ในการดำเนินการสนับสนุนการพัฒนาช่องทางเข้าออกประเทศด้วย