xs
xsm
sm
md
lg

PTTGCชง"เปอร์ตามิน่า"เพิ่มกำลังกลั่น รองรับปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่บาลองกัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พีทีที โกลบอลฯ เสนอเปอร์ตามิน่าขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันที่บาลองกัน จาก 1.25 แสนบาร์เรล/วันเป็น 3 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อให้ได้วัตถุดิบเพียงพอป้อนโครงการร่วมทุนปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่อินโดนีเซีย โดยอาจจะดึงไทยออยล์เข้าร่วมทุนโครงการขยายโรงกลั่น ขึ้นอยู่กับเปอร์ตามินา ส่วนไตรมาส1/57 ผลประกอบการลดลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเหตุธุรกิจอะโรเมติกส์แย่ลง

นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยความคืบหน้าการร่วมลงทุนกับเปอร์ตามิน่าลงทุนโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ที่ประเทศอินโดนีเซียว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาตั้งโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่บาลองกัน ประเทศอินโดนีเซีย โดยได้มีการหารือร่วมกับเปอร์ตามิน่าในการทำโครงการปิโตรเคมีแบบครบวงจรตั้งแต่โรงกลั่นน้ำมันต่อยอดไปยังโครงการปิโตรเคมีต้นน้ำและปลายน้ำ ซึ่งเสนอให้เปอร์ตามิน่าขยายโรงกลั่นน้ำมันเพิ่มเป็น 3 แสนบาร์เรล/วัน จากเดิมที่มีแผนจะขยายกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1.8 แสนบาร์เรล/วันจากกำลังผลิตเดิม 1.25 แสนบาร์เรล/วัน เพื่อที่จะได้วัตถุดิบเพียงพอป้อนโครงการร่วมลงทุนปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ ทำให้ผลตอบแทนการลงทุน (IRR) ดีขึ้นมากกว่า 15% และยังช่วยลดการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปลงด้วย

หากเปอร์ตามิน่าเห็นชอบข้อเสนอที่จะให้เพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันเป็น 3 แสนบาร์เรล/วัน บริษัทฯยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมลงทุนโครงการขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันหรือไม่ หรืออาจจะให้ไทยออยล์เป็นผู้ร่วมทุน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเปอร์ตามินาเป็นผู้ตัดสินใจ หากบริษัทฯร่วมลงทุนโครงการโรงกลั่นดังกล่าว คาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์มากกว่า 4-5 พันล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดผลการศึกษาโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซืที่อินโดนีเซียจะแล้วเสร็จภายในกลางปีนี้ เบื้องต้นจะเป็นการลงทุนโครงการโอเลฟินส์ขนาด 1 ล้านตัน/ปี โครงการอะโรเมติกส์ และโครงการดาวน์สตรีมต่อเนื่องอีกหลายโครงการ เพื่อทดแทนการนำเข้าเม็ดพลาสติกจากต่างประเทศ


"ปัจจุบัน ประชากรอินโดนีเซีย มีเกือบ 240 ล้านคน มีการนำเข้าทั้งน้ำมันและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเป็นจำนวนมาก การลงทุนขยายโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่บางลองกัน ก็จะมีลูกค้าที่ชัดเจนเป็นการขายในประเทศ และช่วยลดการนำเข้า"นายบวร กล่าว

นายบวร กล่าวต่อไปว่า ผลประกอบการไตรมาส1 /57 จะลดลงเหมือนเทียบกับไตรมาส1/56 แต่ไม่ต่ำกว่าไตรมาส 4/ 56 ซึ่งเป็นผลมาจากการหยุดซ่อมบำรุงหลายโรงงานสายโอเลฟินส์เพื่อเตรียมพร้อมเดินเครื่องหลังโรงแยกก๊าซธรรมชาติหน่วยที่5 ปตท.ที่กลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่ในต้นเดือนรวมทั้งราคาผลิตภันฑ์สายโอเลฟินส์ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น แต่ธุรกิจอะโรเมติกส์มาร์จินอ่อนตัวลงมาก ทำให้ภาพรวมไม่ได้ตกต่ำ คาดว่าทั้งปีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (อีบิทดา) จะโตไม่ต่ำกว่า10%

"ในไตรมาสแรกปีที่แล้ว ผลประกอบการบริษัทฯออกมาดีมาก เนื่องจากธุรกิจอะโรเมติกส์ดีมาก โรงกลั่นดี แต่โอเลฟินส์พอใช้ได้ แต่ไตรมาส1/57 ธุรกิจอะโรเมติกส์แย่มาก อย่างไรก็ตาม แม้ปีนีมีการประเมินเศรษฐกิจชะลอตัวแต่ในขณะนี้ยอดสั่งซื้อสินค้าไม่ได้ลดลง ในขณะที่โรงกลั่นเดินเครื่องจักรเต็มที่เพราะทดแทนโรงกลั่นอื่นที่ปิดซ่อมบำรุง ทำให้ลดการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปลง แต่หันมาจำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ดังนั้นปัญหาเศรษฐกิจยังไม่เป็นห่วง แต่กังวลเรื่องประเทศอาจถูกลดอันดับเครดิตเรตติ้ง ซึ่งจะกระทบต้นทุนทางการเงินของลูกค้าและธุรกิจทั้งระบบ "
กำลังโหลดความคิดเห็น