“เจ้าสัวกิตติ” ฟุ้งปีนี้คาดว่าจะฟันรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นประมาณ 20% จากความต้องการปิโตรเคมีที่เพิ่มมากขึ้น และ Backlog ในมือที่รับรู้ขณะนี้แล้วกว่า 400 ล้าน เผยเตรียมทุ่มงบกว่า 1 พันล้าน สร้างโรงผลิตก๊าซชีวภาพความดันสูง หรือ CBG อีกให้ได้ 20 โรงภายในปีหน้า
นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ หรือ UAC กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการเป้ารายได้ที่ 1,200 ล้านบาท หรือ 20% จากปีก่อนมีรายได้ 1,067.90 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิของปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 13-14% จากปีก่อนที่ทำได้ 131.19 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ เซ็นสัญญาระยะยาวกับกลุ่มบริษัท ปตท. ซึ่งมูลค่างานในมือของบริษัทขณะนี้ที่รับรู้แล้วกว่า 400 ล้านบาท
“สัดส่วนรายได้ปีนี้ของบริษัทฯ จากกลุ่มธุรกิจด้านพลังงานน่าจะเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 20-30% และในปี 2559 บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเพราะได้มีการขยายโครงการ CBG เพิ่มขึ้นอีกกว่า 20 แห่ง ในภาคเหนือ และอีสาน ที่คาดว่าจะเสร็จทั้งหมดในปีหน้า และเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2559 เป็นต้นไป โดยเงินลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินหมุนเวียนในบริษัทฯ รวมไปถึงการ Exercise Warrant ได้ในปีหน้าประมาณ 600 ล้านบาท ในส่วนของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองไม่กระทบต่อบริษัทมากนัก เนื่องจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมียังมีความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องซึ่งปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่จะกระทบในส่วนของการออกใบอนุญาต หรือเอกสารต่างๆ จากทางราชการที่ล่าช้า ซึ่งมั่นใจว่าปีนี้รายได้ก็จะยังคงมีการเติบโตราว 20% กำไรสุทธิโต 13-14% ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น”
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมีส่วนการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามาเพิ่มเติมจากโครงการไบโอแก๊ส ที่จังหวัดเชียงใหม่ และสุโขทัย ที่จะรับรู้รายได้เต็มปี และโครงการร่วมทุนไบโอแก๊สกับบริษัท SEBIGAS (S.p.A) จากประเทศอิตาลี รวม 4 โครงการ มูลค่ารวมราว 600 ล้านบาท คาดจะเริ่มทยอยก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 2/57 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพื่อรุกธุรกิจพลังงานในโครงการที่จะลงทุนในปีนี้ ได้แก่ การสร้างโรงผลิตก๊าซชีวภาพความดันสูง หรือ CBG จำนวน 5 แห่ง มูลค่าการลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท จากปัจจุบันมีอยู่ 1 แห่ง และมีแผนจะสร้างครบ 20 แห่ง ในปีหน้า ขณะเดียวกัน บริษัทจะใช้เงินลงทุนอีกประมาณ 300 ล้านบาท ในการขยายโรงไบโอแมส พร้อมทั้งจะทำการติดตั้งแผงโซลาร์ที่ชนะการประมูลมา 1.3 เมกกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุน 60-70 ล้านบาท ซึ่งหากเป้นไปตามเป้าหมายคาดว่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 50% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 20-30%