กุนซือ “ทีอาร์ซี” ฟุ้งรายได้ปีนี้จะพลิกกลับมาใกล้เคียงปี 55 แตะ 4 พันล้านบาท จาก Backlog ที่โอนมาทยอยรับรู้ใน Q1/57 เผยโครงการอินฟราสตรักเจอร์ของรัฐ 2 ล้านล้านบาท ล้มไปยังไม่กระทบบริษัทฯ โดยตรง เตรียมเล็งลงทุนตลาดประเทศเพื่อนบ้านรองรับเสรีอาเซียนปี 58
นายสมัย ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น หรือ TRC กล่าวว่า บริษัทฯมีโครงการที่จะเข้าประมูลงานในปี 2557 ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลของ บมจ.บางจาก หรือ BCP และโครงการวางระบบท่อส่งก๊าสของ บมจ.ปตท.หรือ PTT โดยมีมูลค่างานรวม 20,000-30,000 หมื่นล้านบาท โดยคาดหวังว่าจะได้รับงานประมาณ 30% ของมูลค่างานทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของโครงการประมูลงานก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่อีก 2 โรง มูลค่างานโรงละ 3,000 ล้านบาท เป็นจำนวนกว่า 7,000 บาท
อย่างไรก็ดี บริษัทฯ คาดว่ารายได้ในปีนี้จะสามารถพลิกกลับมาสู่ระดับปกติ ใกล้เคียงกับปี 2555 ที่ระดับ 4.2 พันล้านบาท จากปี 2556 ที่รายได้อาจจะลดต่ำลงกว่าปี 2555 ประมาณ 20-30% เนื่องจากจำนวนงานที่ส่งมอบลดน้อยลง และงานที่บริษัทฯ ประมูลได้ส่วนใหญ่จะเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งได้ถ่ายโอนการรับรู้รายได้ หรือ Backlog มาเป็นปี 2557 แทน โดยปัจจุบันบริษัทฯ มี Backlog อยู่ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ประมาณ 60% หรือเฉลี่ย 3,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นคาดว่าจะทยอยรับรู้ได้ในปี 2558
“ปัญหาการเมืองในขณะนี้ถือว่าไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ โดยตรงมากนัก เพราะส่วนหนึ่งจากในแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังไม่ได้นับรวมโครงการโครงสร้างพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ ของรัฐบาล 2 ล้านล้านบาทเข้าไป แต่หากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยังยืดเยื้อ อาจจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อโครงการต่างๆ ของรัฐให้ล่าช้าออกไป ซึ่งรัฐบาลรักษาการไม่สามารถดำเนินการได้ และอาจจะเห็นความชัดเจนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3/57”
ขณะเดียวกัน ในส่วนของงานต่างประเทศนั้น บริษัทฯ เตรียมเข้าประมูลงานด้านแปรรูปน้ำเสียเป็นพลังงานก๊าซจากโรงงานปิโตรเคมีในประเทศโอมาน มูลค่างานกว่า 70-80 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมที่เจรจาหาลูกค้ารายใหม่นอกจาก ปตท., บางจาก, และไออาร์ซีพี เพิ่มเติม คือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC โดยจะเข้าไปรับงานในส่วนของการก่อสร้างโรงงานปิโตรเคมี รวมไปถึงกลุ่มบริษัทไทคอน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านงานรับเหมา ปัจจุบันสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทฯ ยังมาจากงานวางท่อ 60-70% ที่เหลือเป็นงานรับเหมาก่อสร้าง
ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษากฎระเบียบในการเข้าไปลงทุนยังกลุ่มประเทศ AEC โดยบริษัทมีความสนใจประเทศพม่า เวียดนาม กัมพูชา เป็นพิเศษ เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติจำนวนมากที่จะสามารถผลิตไบโอแก๊สได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งเพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC โดยขั้นแรกบริษัทคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนเหล่านี้ในลักษณะรับงานร่วมกับลูกค้า เช่น กลุ่ม ปตท.พร้อมกันนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมด้วยการรับพนักงานเพิ่มในระดับคีย์แมนที่เป็นชาวต่างชาติในกลุ่ม AEC เข้ามาร่วมงานในบริษัท เพื่อลดปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะทาง และความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรม ให้บริหารจัดการได้สะดวก และรวดเร็วขึ้น
