บล.บัวหลวง เปิดตัว DW ชุดใหม่ เหมาะทำกำไรท่ามกลางตลาดหุ้นผันผวน อ้างอิงหุ้น DELTA และ GLOBAL ชูพื้นฐานดี ความผันผวนสูง พร้อมส่ง DW อีก 21 ตัวรองรับตัวเก่าหมดอายุ เทรดพร้อมกัน 8 ต.ค. 56 พร้อมแนะนักลงทุนให้ติดตามข้อมูลผ่านเว็บไซต์
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant: DW) ประเภทสิทธิในการฃื้อ (Call Warrant) อ้างอิงหุ้นสามัญ 2 หลักทรัพย์ที่บริษัทยังไม่เคยออกมาก่อน ได้แก่ หุ้น DELTA (DELT01C1403A) และหุ้น GLOBAL (GLOB01C1403A) เนื่องจากหลักทรัพย์บัวหลวงได้เล็งเห็นโอกาสการลงทุน จากการที่หุ้นอ้างอิงดังกล่าวมีความผันผวนของราคาค่อนข้างสูงเหมาะกับการเก็งกำไรใน DW ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทยังออก DW อีก 21 ตัวอ้างอิงหุ้น BAY, BTS, CPALL, CPF, CPN, HMPRO, LH, PS, PTT, ROBINS, THAI เพื่อรองรับ DW01 ที่ซื้อขายในปัจจุบัน ซึ่งใกล้จะครบกำหนดอายุในเดือนตุลาคมนี้ ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง เปิดเผยว่า จุดเด่นของหุ้น DELTA คือ มีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 4-7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และน่าจะเป็นจังหวะดีที่จะได้ประโยชน์ ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบัน ส่วนหุ้น GLOBAL นั้นเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดี และเพิ่งได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ในเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทมียอดขายขยายตัวได้ดี และมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งคือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SGC ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจต่อไปในภูมิภาคอาเซียนได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นกำไรของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม และภาวะการชะลอตัวของภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นต่อจากนี้ นักลงทุนยังติดตามผลการประชุมของเฟดต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นการพิจารณาเรื่องเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ในกลางเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดผันผวนต่อเนื่อง และอาจเป็นโอกาสในการเก็งกำไร หรือการประกันความเสี่ยงการถือหุ้นผ่าน DW โดยเฉพาะ Put Warrant นายบรรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมการซื้อขาย DW ทั้งระบบในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า มูลค่าการซื้อขาย DW ทั้งระบบอยู่ที่ 30,563.97 ล้านบาท คิดเป็น 3.32% ของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ ถือว่าเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2556 ซึ่งอยู่ที่ 0.9% โดยในเดือนกันยายน 2556 มีปริมาณการซื้อขาย Put Warrant สูงถึง 9,909 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.41% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ ขณะที่เดือนมกราคม 2556 อยู่ที่ 4.94% เท่านั้น เนื่องจากตลาดยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใน Put Warrant เป็นจำนวนมาก
“นักลงทุนที่จะลงทุนใน DW ควรประเมินทิศทางราคาหุ้นอ้างอิงภายในกรอบระยะเวลาที่จะลงทุน ประกอบกับศึกษาข้อมูลข่าวสาร หรือบทวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาของหุ้นอ้างอิงนั้นๆ และกำหนดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสมเสมอ โดยมีหลักการตัดสินใจเบื้องต้นคือ 1.หากคาดการณ์ว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ให้นักลงทุนเลือกซื้อ Call Warrant ที่อ้างอิงหุ้นตัวนั้น 2.หากคาดว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะปรับตัวลงในอนาคตอันใกล้ให้เลือกซื้อ Put Warrant ที่อ้างอิงหุ้นตัวนั้นและ 3.หากคาดว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะทรงตัว หรือไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในอนาคตอันใกล้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนใน DW” นายบรรณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DW มีโอกาสที่นักลงทุนอาจตัดสินใจผิดทางได้ จึงแนะนำให้เตรียมตัวก่อนลงทุน โดยศึกษาข้อมูลของ DW นั้นๆ ก่อน โดยเบื้องต้นให้พิจารณาข้อมูลเหล่านี้ ได้แก่ ราคาใช้สิทธิ และอายุคงเหลือของ DW ว่าอยู่ในข่ายที่มีโอกาสทำกำไรได้หรือไม่ รวมทั้งต้องตรวจสอบราคาตลาดของ DW เทียบกับราคารับซื้อคืนของผู้ดูแลสภาพคล่อง (Indicative Price) โดยควรลงทุนเฉพาะ DW ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Indicative Price ซึ่งผู้ดูแลสภาพคล่องดูแลรับซื้อคืน หรือขายออกอยู่ นอกจากนี้ DW ยังมีการเสื่ยงค่าที่เรียกว่า Time Decay ดังนั้น ควรประเมินว่าโอกาสที่ราคาหุ้นอ้างอิงและราคา DW จะปรับตัวไปในทิศทางที่ทำให้เกิดกำไรจะคุ้มค่ากับ Time Decay ที่ลดลงทุกวันหรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนต้องตรวจสอบสถานะของ DW ที่ลงทุนอยู่อย่างสม่ำเสมอ เช่น ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่องเพื่อกำหนดจุดทำกำไรหรือจุดตัดขาดทุนได้อย่างเหมาะสมและไม่ควรถือ DW จนผ่านวันซื้อขายวันสุดท้ายเพราะเงินสดส่วนต่างที่ได้รับจากการใช้สิทธิจะถูกรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี ทั้งนี้ หลักทรัพย์บัวหลวงได้พัฒนาเว็บไซต์ www.blswarrant.com โฉมใหม่ซึ่งมีข้อมูลดังกล่าวข้างต้นครบถ้วน ทั้งยังเพิ่มเครื่องมือการวิเคราะห์ DW ที่หลากหลาย ซึ่งนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตนเอง เช่น เครื่องมือเปรียบเทียบ DW ของผู้ออกแต่ละราย, เครื่องมือการคำนวณราคา DW, เครื่องมือการคำนวณเงินสดส่วนต่างจากการใช้สิทธิ, เครื่องมือการคำนวณการปรับสิทธิ DW เป็นต้น
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ บัวหลวง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant: DW) ประเภทสิทธิในการฃื้อ (Call Warrant) อ้างอิงหุ้นสามัญ 2 หลักทรัพย์ที่บริษัทยังไม่เคยออกมาก่อน ได้แก่ หุ้น DELTA (DELT01C1403A) และหุ้น GLOBAL (GLOB01C1403A) เนื่องจากหลักทรัพย์บัวหลวงได้เล็งเห็นโอกาสการลงทุน จากการที่หุ้นอ้างอิงดังกล่าวมีความผันผวนของราคาค่อนข้างสูงเหมาะกับการเก็งกำไรใน DW ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทยังออก DW อีก 21 ตัวอ้างอิงหุ้น BAY, BTS, CPALL, CPF, CPN, HMPRO, LH, PS, PTT, ROBINS, THAI เพื่อรองรับ DW01 ที่ซื้อขายในปัจจุบัน ซึ่งใกล้จะครบกำหนดอายุในเดือนตุลาคมนี้ ด้านนายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บมจ.หลักทรัพย์บัวหลวง เปิดเผยว่า จุดเด่นของหุ้น DELTA คือ มีการจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 4-7% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และน่าจะเป็นจังหวะดีที่จะได้ประโยชน์ ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าในปัจจุบัน ส่วนหุ้น GLOBAL นั้นเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องดี และเพิ่งได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 ในเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยบริษัทมียอดขายขยายตัวได้ดี และมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งคือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SGC ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจต่อไปในภูมิภาคอาเซียนได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ดี ในระยะสั้นกำไรของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม และภาวะการชะลอตัวของภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัย สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นต่อจากนี้ นักลงทุนยังติดตามผลการประชุมของเฟดต่อเนื่อง รวมถึงประเด็นการพิจารณาเรื่องเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ในกลางเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดผันผวนต่อเนื่อง และอาจเป็นโอกาสในการเก็งกำไร หรือการประกันความเสี่ยงการถือหุ้นผ่าน DW โดยเฉพาะ Put Warrant นายบรรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพรวมการซื้อขาย DW ทั้งระบบในเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า มูลค่าการซื้อขาย DW ทั้งระบบอยู่ที่ 30,563.97 ล้านบาท คิดเป็น 3.32% ของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ ถือว่าเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับเดือนมกราคม 2556 ซึ่งอยู่ที่ 0.9% โดยในเดือนกันยายน 2556 มีปริมาณการซื้อขาย Put Warrant สูงถึง 9,909 ล้านบาท หรือคิดเป็น 32.41% ของปริมาณการซื้อขาย DW ทั้งระบบ ขณะที่เดือนมกราคม 2556 อยู่ที่ 4.94% เท่านั้น เนื่องจากตลาดยังคงผันผวนอย่างต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ทำให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใน Put Warrant เป็นจำนวนมาก
“นักลงทุนที่จะลงทุนใน DW ควรประเมินทิศทางราคาหุ้นอ้างอิงภายในกรอบระยะเวลาที่จะลงทุน ประกอบกับศึกษาข้อมูลข่าวสาร หรือบทวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาของหุ้นอ้างอิงนั้นๆ และกำหนดจุดตัดขาดทุนที่เหมาะสมเสมอ โดยมีหลักการตัดสินใจเบื้องต้นคือ 1.หากคาดการณ์ว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ให้นักลงทุนเลือกซื้อ Call Warrant ที่อ้างอิงหุ้นตัวนั้น 2.หากคาดว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะปรับตัวลงในอนาคตอันใกล้ให้เลือกซื้อ Put Warrant ที่อ้างอิงหุ้นตัวนั้นและ 3.หากคาดว่าราคาหุ้นอ้างอิงจะทรงตัว หรือไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในอนาคตอันใกล้ ก็ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนใน DW” นายบรรณรงค์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน DW มีโอกาสที่นักลงทุนอาจตัดสินใจผิดทางได้ จึงแนะนำให้เตรียมตัวก่อนลงทุน โดยศึกษาข้อมูลของ DW นั้นๆ ก่อน โดยเบื้องต้นให้พิจารณาข้อมูลเหล่านี้ ได้แก่ ราคาใช้สิทธิ และอายุคงเหลือของ DW ว่าอยู่ในข่ายที่มีโอกาสทำกำไรได้หรือไม่ รวมทั้งต้องตรวจสอบราคาตลาดของ DW เทียบกับราคารับซื้อคืนของผู้ดูแลสภาพคล่อง (Indicative Price) โดยควรลงทุนเฉพาะ DW ที่มีราคาใกล้เคียงกับ Indicative Price ซึ่งผู้ดูแลสภาพคล่องดูแลรับซื้อคืน หรือขายออกอยู่ นอกจากนี้ DW ยังมีการเสื่ยงค่าที่เรียกว่า Time Decay ดังนั้น ควรประเมินว่าโอกาสที่ราคาหุ้นอ้างอิงและราคา DW จะปรับตัวไปในทิศทางที่ทำให้เกิดกำไรจะคุ้มค่ากับ Time Decay ที่ลดลงทุกวันหรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนต้องตรวจสอบสถานะของ DW ที่ลงทุนอยู่อย่างสม่ำเสมอ เช่น ติดตามความเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่องเพื่อกำหนดจุดทำกำไรหรือจุดตัดขาดทุนได้อย่างเหมาะสมและไม่ควรถือ DW จนผ่านวันซื้อขายวันสุดท้ายเพราะเงินสดส่วนต่างที่ได้รับจากการใช้สิทธิจะถูกรวมคำนวณเป็นรายได้เพื่อเสียภาษี ทั้งนี้ หลักทรัพย์บัวหลวงได้พัฒนาเว็บไซต์ www.blswarrant.com โฉมใหม่ซึ่งมีข้อมูลดังกล่าวข้างต้นครบถ้วน ทั้งยังเพิ่มเครื่องมือการวิเคราะห์ DW ที่หลากหลาย ซึ่งนักลงทุนสามารถวิเคราะห์ได้ด้วยตนเอง เช่น เครื่องมือเปรียบเทียบ DW ของผู้ออกแต่ละราย, เครื่องมือการคำนวณราคา DW, เครื่องมือการคำนวณเงินสดส่วนต่างจากการใช้สิทธิ, เครื่องมือการคำนวณการปรับสิทธิ DW เป็นต้น
