“ปูนซิเมนต์ไทย” เตรียมขยายโรงงานซีเมนต์ไปยังพม่าพร้อมควบโรงไฟฟ้า เล็งจับมือพันธมิตรผลิตไฟฟ้าจากSolar Roof ขายการไฟฟ้าจากพื้นที่โรงงานมีมาก เผยปลายปีเตรียมออกหุ้นกู้ 4 หมื่นล้านพัฒนาธุรกิจ แต่ยังหวั่นการลงทุนในอินโดฯ และเวียดนามติดข้อกฎหมาย หวัง พ.ร.บ. 2 ล้านล้าน คลอดช่วยดันธุรกิจโตต่อเนื่อง
นายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การเงินและการลงทุน เอสซีจี และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี การลงทุน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC กล่าวว่า บริษัทยังคงมีอัตราความเสี่ยงในการลงทุนที่จะดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม เนื่องจากยังมีในข้อกฎหมายระหว่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งบางธุรกิจจะเป็นไปในลักษณะการเข้าถือหุ้นของบริษัทในประเทศนั้นๆ โดยบริษัทอยู่ในช่วงของการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม และจะเน้นหนักในกลุ่มธุรกิจที่ถนัดคือ ซีเมนต์ และวัสดุก่อสร้าง
“ในช่วงไตรมาสที่ 4 บริษัทเตรียมที่จะออกหุ้นมูลค่า 4 หมื่นล้านบาท อายุ 4 ปี โดยคาดว่าจะสามารถออกขายได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อนำเงินที่ได้มาใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งถ้าหาก พ.ร.บ.เงินกู้โครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้าน ผ่านมติร่างสภาสำเร็จ บริษัทฯ ก็มีศักยภาพ และความพร้อมที่จะเข้าร่วมในโครงการนี้อยู่แล้ว”
ทั้งนี้ หากเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มชะลอตัว อาจทำให้เกิดการกู้ยืมมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในลักษณะที่ไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ซึ่งขณะนี้เริ่มมีภาพของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL บ้างแล้ว โดยในหลายๆ ธนาคารที่เคยประสบปัญหาหนี้เสียก็ได้หามาตรการป้องกันในส่วนนี้ไว้บ้างแล้ว
ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจในปีหน้าจะมีโครงการใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท โดยวางแผนในการลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าในประเทศพม่า เนื่องจากโรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศพม่า จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังไฟฟ้าสูงสำหรับภาคอุตสาหกรรม จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีกำลังการผลิตไฟมากพอหลายเมกะวัตต์ป้อนเข้าโรงงานผลิตซีเมนต์ ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมที่จะร่วมมือกับ บมจ.โตโย-ไทย คอร์ปอเรชั่น หรือ TTCL ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Roof) ซึ่งบริษัทฯ มีพื้นที่โรงงานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยพลังงานไฟฟ้าได้ที่ได้จากแผง Solar Roof จะขายให้แก่การไฟฟ้าฯ ต่อไป
