xs
xsm
sm
md
lg

บจ.9เดือนกำไร6แสนล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ฯ โชว์ผลงาน บจ.ไทย 9 เดือนแรก โกยกำไรสุทธิ 6.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนยอดขายทำได้ถึง 8 ล้านล้านบาท ด้านดัชนีตลาดหุ้นปิดลบ 11 จุด นักลงทุนเทขายลดความเสี่ยง การวินิจฉัยของศาล รธน. เพราะเลวร้ายสุดอาจถึงขั้นยุบพรรค

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือ SET จำนวน 469 บริษัท คิดเป็น 94.18% จากทั้งหมด 498 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 แล้ว โดยมี บจ. ที่มีกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานจำนวน 384 บริษัท คิดเป็น 81.88% มียอดขายรวม 2,779,763 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.87% จากงวดเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 203,196 ล้านบาท ลดลง 5.81% สำหรับงวด 9 เดือน มียอดขายรวม 8,024,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.27% กำไรสุทธิ 608,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% ด้านอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ 1.29 เท่า

“ภาพรวมยอดขายไตรมาส 3 ของ บจ. ยังเติบโตได้ดีจากหมวดธุรกิจพลังงาน และสาธารณูปโภค หมวดพาณิชย์ หมวดธนาคาร หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศที่เติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การบริโภค และการลงทุนของภาคเอกชน และภาครัฐที่หดตัว รวมถึงภาคการเงินมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ทำให้รายได้ในหลายกลุ่มเริ่มมีสัญญาณการเติบโตที่ชะลอลง และส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำกำไรของ บจ. ไตรมาสนี้เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง”

สำหรับ บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิ 9 เดือน ปี 2556 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) โดยกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกจาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรสูงสุด ได้แก่ ธุรกิจการเงิน ทรัพยากร และอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทย วานนี้(19พ.ย.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,412.44 จุด ลดลง 11.52 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.81% มูลค่าการซื้อขาย 33,067.28 ล้านบาท ภาพรวมนักลงลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยง พร้อมจับตาการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ (20 พ.ย.) ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ขัดรัฐธรรมนูญ อีกทั้งม็อบต่อต้านรัฐบาลที่นำโดยอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจะยกระดับการชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 24 พ.ย.นี้ ขณะที่ฝ่ายค้านกำลังยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่า เป็นการลดความเสี่ยงในการถือหุ้นของนักลงทุน เพราะกรณีร้ายสุดคือ การยุบพรรค ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงหนัก โดยให้แนวรับ 1,400-1,380 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,435 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น